สามีและลูกสาวเดินทางมารับศพสาวใหญ่เหยื่อรถเมล์สาย 39 พุ่งชนเสียชีวิต ท่ามกลางความเศร้าโศก ขณะที่สามีบอกขอทำเรื่องงานศพให้เรียบร้อยก่อน ยังไม่คิดถึงเรื่องฟ้องร้องดำเนินคดีใคร ติงการบริการของ ขสมก.ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร ทำให้ประชาชนต้องมารับเคราะห์ตลอด
วันนี้ (6 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น.ที่สถาบันนิติเวชวิทยา นายสุรพงษ์ พวงสุวรรณ อายุ 51 ปี หัวหน้าแผนกบัญชี กลุ่มงานลูกหนี้ องค์การการค้าคุรุสภา พร้อมด้วย น.ส.พัชรนันท์ หรือ น้องแพร พวงสุวรรณ อายุ 16 ปี สามีและลูกสาว นางนันทิยา พวงสุวรรณ อายุ 50 ปี ที่ถูกรถประจำทางเอกชนร่วมบริการ สาย 39 ชนเสียชีวิต ที่ป้ายรถประจำทาง ทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสะพานควาย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าสลด
น.ส.พัชรนันท์ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า ก่อนเกิดเหตุแม่เดินทางมารับหลังจากที่ตนเรียนพิเศษเสร็จ โดยได้ยืนรอรถประจำทางเพื่อกลับบ้าน ต่อมาเห็นรถประจำทางคันดังกล่าวพุ่งเข้ามาจ่ออยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ตนก้าวขาไม่ออก ขณะที่แม่ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ได้ผลักตนออกมา จนล้มลง แต่พอรู้สึกตัวก็คิดในใจว่าแม่คงไม่เป็นไร แต่พอตนเงยหน้าขึ้นมามองไม่เห็นแม่แล้ว ซึ่งมารู้อีกทีแม่ถูกรถชน
“ที่ผ่านมา แม่พูดให้หนูเข้มแข็ง แม่พูดเสมอว่า ตอนแพรเกิดแม่ต้องผ่าคลอด อยู่ รพ.ได้ 4 วัน ต้องกลับมาดูแลพ่อ เพราะพ่อเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แพรจึงต้องเข้มแข็งกว่านี้ ตอนนี้แพรยังเข้มแข็งได้ไม่เท่าครึ่งหนึ่งของแม่ หนูก็คิดนะว่า ช่วงนี้ทำไมแม่พูดแบบนี้บ่อยจัง” น.ส.พัชรนันท์ กล่าวพร้อมน้ำตา
ด้าน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ช่วงนี้ต้องดำเนินการเรื่องศพของภรรยาก่อน ยังไม่คิดถึงเรื่องฟ้องร้องดำเนินคดีใคร ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุ มีตัวแทนของรถเอกชนร่วมบริการและตัวแทนประกันภัย โทรศัพท์มาพูดคุย แต่ไม่มีตัวแทนของ ขสมก.หรือตัวแทนภาครัฐมาพบ โดยเรื่องศพก็ต้องดำเนินการเอง ซึ่งไม่ค่อยรู้ขั้นตอนอะไร จึงทำให้วันนี้มารับศพช้า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการพัฒนาการให้บริการของรถเอกชนร่วมบริการเป็นอย่างไรบ้าง นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ได้ข่าวมาหลายครั้ง เรื่องการบริการของรถประจำทาง แต่ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตนเอง ซึ่งที่รัฐบาล ขสมก.บอกว่าจะพัฒนา โดยทุกวันนี้ยังไม่เห็นการพัฒนาเท่าที่ควร โดยทำให้มีคนรับเคราะห์อยู่ตลอด ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ฟังจากข่าวว่าคนขับรถบอกว่าเบรกแตก ซึ่งสาเหตุนี้ตนยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเกิดจากเบรกแตกจริงหรือไม่ โดยยังไม่มีหน่วยงานใดให้ความกระจ่างกับตนแต่อย่างใด
วันนี้ (6 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น.ที่สถาบันนิติเวชวิทยา นายสุรพงษ์ พวงสุวรรณ อายุ 51 ปี หัวหน้าแผนกบัญชี กลุ่มงานลูกหนี้ องค์การการค้าคุรุสภา พร้อมด้วย น.ส.พัชรนันท์ หรือ น้องแพร พวงสุวรรณ อายุ 16 ปี สามีและลูกสาว นางนันทิยา พวงสุวรรณ อายุ 50 ปี ที่ถูกรถประจำทางเอกชนร่วมบริการ สาย 39 ชนเสียชีวิต ที่ป้ายรถประจำทาง ทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสะพานควาย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าสลด
น.ส.พัชรนันท์ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า ก่อนเกิดเหตุแม่เดินทางมารับหลังจากที่ตนเรียนพิเศษเสร็จ โดยได้ยืนรอรถประจำทางเพื่อกลับบ้าน ต่อมาเห็นรถประจำทางคันดังกล่าวพุ่งเข้ามาจ่ออยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ตนก้าวขาไม่ออก ขณะที่แม่ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ได้ผลักตนออกมา จนล้มลง แต่พอรู้สึกตัวก็คิดในใจว่าแม่คงไม่เป็นไร แต่พอตนเงยหน้าขึ้นมามองไม่เห็นแม่แล้ว ซึ่งมารู้อีกทีแม่ถูกรถชน
“ที่ผ่านมา แม่พูดให้หนูเข้มแข็ง แม่พูดเสมอว่า ตอนแพรเกิดแม่ต้องผ่าคลอด อยู่ รพ.ได้ 4 วัน ต้องกลับมาดูแลพ่อ เพราะพ่อเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แพรจึงต้องเข้มแข็งกว่านี้ ตอนนี้แพรยังเข้มแข็งได้ไม่เท่าครึ่งหนึ่งของแม่ หนูก็คิดนะว่า ช่วงนี้ทำไมแม่พูดแบบนี้บ่อยจัง” น.ส.พัชรนันท์ กล่าวพร้อมน้ำตา
ด้าน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ช่วงนี้ต้องดำเนินการเรื่องศพของภรรยาก่อน ยังไม่คิดถึงเรื่องฟ้องร้องดำเนินคดีใคร ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุ มีตัวแทนของรถเอกชนร่วมบริการและตัวแทนประกันภัย โทรศัพท์มาพูดคุย แต่ไม่มีตัวแทนของ ขสมก.หรือตัวแทนภาครัฐมาพบ โดยเรื่องศพก็ต้องดำเนินการเอง ซึ่งไม่ค่อยรู้ขั้นตอนอะไร จึงทำให้วันนี้มารับศพช้า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการพัฒนาการให้บริการของรถเอกชนร่วมบริการเป็นอย่างไรบ้าง นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ได้ข่าวมาหลายครั้ง เรื่องการบริการของรถประจำทาง แต่ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตนเอง ซึ่งที่รัฐบาล ขสมก.บอกว่าจะพัฒนา โดยทุกวันนี้ยังไม่เห็นการพัฒนาเท่าที่ควร โดยทำให้มีคนรับเคราะห์อยู่ตลอด ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ฟังจากข่าวว่าคนขับรถบอกว่าเบรกแตก ซึ่งสาเหตุนี้ตนยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเกิดจากเบรกแตกจริงหรือไม่ โดยยังไม่มีหน่วยงานใดให้ความกระจ่างกับตนแต่อย่างใด
อ้างอิงข่าว ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น