<<<<<..... ลักษณะอากาศทั่วไป วันนี้ ( 20 มกราคม 2567 ) เวลา 06.00 น. วันนี้ถึง 06.00 น.ของวันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ....ตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาค อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่ อัปเดตนิวส์ รายงาน. แหล่งที่มาของข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา - https://www.tmd.go.th/thailand.php .....................................................>>>>

พ่อเมืองเชียงใหม่ รับมอบสวนสไตล์ญี่ปุ่นจาก Mr.Masao Sawai ที่ปรึกษา Janpan Cultural Channel SAKURA Co. LTD ประเทศญี่ปุ่น เนื่องในโอกาสครบรอบ 130 ปี ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น


ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รับมอบสวนสไตล์ญี่ปุ่นจาก Mr.Masao Sawai ที่ปรึกษา Janpan Cultural Channel SAKURA Co. LTD ประเทศญี่ปุ่น เนื่องในโอกาสครบรอบ 130 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นอันยาวนาน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ธันวาคม 2560 นายปวิณ ชํานิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานรับมอบสวนสไตล์ญี่ปุ่น ที่บริเวณสวนสุขภาพบ้านเด่น พร้อมด้วย Mr.Masao Sawai ที่ปรึกษา Janpan Cultural Channel SAKURA Co. LTD ประเทศญี่ปุ่น Mr.Kazunori Kawada กงสุลญี่ปุ่นประจำจังหวัดเชียงใหม่ นายชาตรี เชื้อมโนชาญ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ผอ.บุญเลิศ ห้าวหาญ ผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 1 ดร.ถาวร เกียรติไชยากร และนางมลสุดา ชำนิประศาสน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ร่วมเป็นเกียรติภายในงานฯ


ในโอกาสนี้ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า เทศบาลนครเชียงใหม่ ได้มีการพัฒนาปรับปรุงภายในสวนแห่งนี้ให้มีความสะดวก สะอาด และปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง ในปีงบประมาณที่ผ่านมา โดยเทศบาลนครเชียงใหม่ได้ปรับปรุงสระน้ำ รวมถึงจัดหาสนามเด็กเล่นและเครื่องออกกำลังกาย ให้ประชาชนที่มาออกกำลังกายได้พัฒนาและเสริมสร้างสุขภาพให้ดีขึ้น ทั้งนี้ยังต้องการพัฒนาปรับปรุงสวนสาธารณะอีกมาก เพื่อบริการในด้านอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจาก Mr.Masao Sawai ที่ปรึกษา Janpan Cultural Channel SAKURA Co. LTD ประเทศญี่ปุ่น ขอใช้พื้นที่บางส่วนของสวนสุขภาพบ้านเด่น ในการจัดสร้างสวนสไตล์ญี่ปุ่น เพื่อเป็นสัญลักษณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ 130 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นอันยาวนาน ซึ่งนับว่ามีประโยชน์ในการพัฒนาปรับปรุงสวนเป็นอย่างมาก


อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และผู้มีเกียรติภายในงานฯ ได้ร่วมกันปลูกต้นซากุระ จำนวน 20 ต้น เพื่อให้สวนสุขภาพบ้านเด่นเกิดความสวยงาม รมรื่น อีกทั้งยังสื่อถึงเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย









จังหวัดเชียงใหม่ จัดงานวันรวมน้ำใจช่วยกาชาด เพื่อรับบริจาคสิ่งของไปใช้งานฤดูหนาว และ งาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี 2561



จังหวัดเชียงใหม่ จัดงานวันรวมน้ำใจช่วยกาชาด เพื่อรับบริจาคสิ่งของไปใช้งานฤดูหนาว และ งาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี 2561

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2560 ที่บริเวณกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 1 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับนางมลสุดา ชำนิประศาสน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ นายอภิวัฒน์ ธีระวาสน์ พัฒนาการจังหวัดเชียงใหม่ และนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน “วันรวมน้ำใจช่วยกาชาด” ประจำปี 2561 เพื่อขอรับบริจาคสิ่งของจากภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค สำหรับใช้เป็นของรางวัลในการออกร้านมัจฉากาชาดในงานฤดูหนาวและงาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี 2561 และหารายได้ช่วยเหลือผู้ยากไร้ และยังเป็นน้ำใจช่วยเหลือในกิจกรรมของกาชาดตลอดทั้งปีอีกด้วย
สำหรับ การจัดงานฤดูหนาวและงาน OTOP ของดีเมืองเชียงใหม่ ประจำปี 2561 นั้น จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2560 - 8 มกราคม 2561 ที่ บริเวณสนามด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การจัดนิทรรศการ ภายใต้แนวคิด “ตามรอยเท้าพ่อ สานต่อศาสตร์พระราชา” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 , การออกร้านกาชาด , การจัดนิทรรศการของส่วนราชการ และสถาบันการศึกษา , การจัดนิทรรศการผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) , สินค้าธงฟ้าราคาประหยัด , ตลาดประชารัฐ และการประกวดนางสาวเชียงใหม่ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
นอกจากนี้ ยังได้เปิดจำหน่ายบัตรสลากกาชาดการกุศลแล้ว จำนวน 100,000 ฉบับ ๆ ละ 80 บาท สามารถติดต่อซื้อสลากได้ ณ ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงใหม่ ชั้น 3 โทร.053-112617 โดยรางวัลที่ 1 รถยนต์กระบะตอนครึ่งนิสสัน รุ่น NAVARA K/C S 6MT MY17.2 สีส้ม 1 รางวัล รางวัลที่ 2 รถยนต์เก๋งนิสสัน รุ่น ALMERA E CVT MY 15 สีน้ำตาล 1 รางวัล รางวัลที่ 3 รถบิ๊กไบค์ ยี่ห้อ Suzuki GSX-S150 2 รางวัล และรางวัลอื่นๆอีกมากมาย จึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการกุศล ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว เพื่อหารายได้ไปใช้จ่ายในการดำเนินงานของเหล่ากาชาดจังหวัด เพื่อช่วยเหลือสังคมและนำไปใช้ในกิจกรรมบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนชาวเชียงใหม่ต่อไป








กองทัพภาคที่ ๓ โดยแม่ทัพน้อยที่ ๓ แถลงแผนการตัดทำลายไร่ฝิ่นปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ที่จังหวัดเชียงใหม่



กองทัพภาคที่ ๓ โดยแม่ทัพน้อยที่ ๓  แถลงแผนการตัดทำลายไร่ฝิ่นปีงบประมาณ ๒๕๖๑  ที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมลงพื้นที่ตัดทำลายไร่ฝิ่นร่วมกับ รอง เลขาธิการ ป.ป.ส. ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองพื้นที่ดอยสามหมื่น  บ้านป่าโหล – บ้านสันป่าเกี๊ยะ ต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จำนวน  ๒ ไร่  ภาพรวมฝิ่นปีนี้ลดลงกว่าร้อยละ  ๒๐ ผลจากสภาพอากาศที่แปรปรวน
 พลโทวิจักขฐ์  สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ ๓ และผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ ๓ ได้มอบหมายให้ พลโทสมพงษ์  แจ้งจำรัส แม่ทัพน้อยที่ ๓ และรองผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ ๓ เป็นประธานการประชุมแถลงแผนการควบคุมพื้นที่ปลูกฝิ่นและการตัดทำลายไร่ฝิ่น ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ณ ห้องประชุมทองจัตุ กองกำลังผาเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่    โดยมี นายชลัยสิน   โพธิเจริญ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นางทิพาพร   ทัศนภักดิ์ ผอ.สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด ( สพส. ) นายพรพัฒน์   สุวรรณภูมิ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค ๕  และพล.ต.ต.ภาณุเดช   บุญเรือง รอง ผบภ.๕,  ฝ่ายปกครอง,  สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๙ จังหวัดเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เพื่อวางแผนอำนวยการ ควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติงานหน่วยในโครงการกำจัดพืชเสพติด ระดับพื้นที่ของ กองทัพภาคที่ ๓ และประสานการปฏิบัติกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามแผนการควบคุมพื้นที่ปลูกฝิ่นและการตัดทำลายไร่ฝิ่น ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ในห้วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ ถึง เดือนเมษายน ๒๕๖๑
       แม่ทัพน้อยที่ ๓ และรองผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ ๓ กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจและการตัดทำลายไร่ฝิ่นในปีที่ผ่านมา พบว่าพื้นที่ที่มีการลักลอบปลูกฝิ่นหนาแน่น ได้แก่ พื้นที่ท่าสองยาง - ปิตุคี อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอแม่ระมาด, อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก, พื้นที่แปเปอร์ - นาเกียน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ห้วยน้ำเย็น - ทุ่งต้นงิ้ว    อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก โดยเฉพาะในห้วงที่ผ่านมา พื้นที่เขตรอยต่อ      อำเภออมก๋อย  จังหวัดเชียงใหม่ กับอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก มีการลักลอบปลูกฝิ่นเพิ่มมากขึ้น สาเหตุ      มาจากในพื้นที่อำเภออมก๋อย ได้มีการเข้าดำเนินงานในมาตรการต่างๆ ของภาครัฐจากหลายส่วน เพื่อลดปัญหาการลักลอบปลูกฝิ่นในพื้นที่ จึงทำให้ผู้ลักลอบปลูกฝิ่นได้ย้ายพื้นที่ลงมาลักลอบปลูกฝิ่นหนาแน่นทางตอนล่าง ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก
 ส่วนในช่วงบ่าย  แม่ทัพน้อยที่ ๓ และรองผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ ๓ พร้อมนายชลัยสิน   โพธิเจริญ รองเลขาธิการ ป.ป.ส., นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ  ผู้อำนวยการส่วนสำรวจพืชเสพติด สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด ฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตัดทำลายไร่ฝิ่นพื้นที่ดอยสามหมื่นบ้านป่าโหล – บ้านสันป่าเกี๊ยะ ต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จำนวน ๒ ไร่ พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้ชาวบ้านบ้านป่าโหลซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ชนเผ่าลาหู่หรือมูเซอ ที่มาร่วมตัดทำลายไร่ฝิ่น จำนวน ๕๐ ชุด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ประชาชนในพื้นที่












เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิดตัว “ปีใหม่” สมาชิกใหม่ลูกยีราฟ ต้อนรับปี 2018



สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ต้อนรับสมาชิกใหม่ “น้องปีใหม่” ลูกยีราฟ (Giraffa) เพศเมีย จำนวน 1 ตัว เพื่อมอบเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่า       – ต้อนรับปีใหม่ 2018 ให้กับนักท่องเที่ยว และได้รับเกียรติจาก นางเนตรนภา สุทธิธรรมดำรง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นประธานเปิดตัวสมาชิกใหม่ ณ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
นางเนตรนภา สุทธิธรรมดำรง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร  รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี  เปิดเผยว่า เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงเทศกาลต้อนรับ      วันปีใหม่ 2018 เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจึงได้มอบของขวัญพิเศษให้กับนักท่องเที่ยว  ซึ่งตั้งชื่อตามเทศกาลสำคัญที่ใกล้จะถึงนี้ว่า “น้องปีใหม่” ซึ่งเป็นลูกยีราฟ (Giraffa) เพศเมีย จำนวน 1 ตัว เกิดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2560 จาก “พ่อมอส” อายุ 16 ปี และ “แม่จอย” อายุ 15 ปี ขณะนี้ “น้องปีใหม่” ลูกยีราฟ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี และแม่จอยก็ได้เลี้ยงลูกเองตามธรรมชาติ  โดยก่อนหน้านี้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีสามารถเพาะพันธุ์ยีราฟ สายพันธุ์ reticulate มาแล้ว จำนวน 3 ตัว ซึ่งทุกตัวเกิดจากพ่อ “มอส” และแม่ “จอย” อายุ 15 ปี และมี “น้องปีใหม่” เกิดขึ้นเป็นตัวที่ 4
ยีราฟ (Giraffa) สายพันธุ์ reticulate นี้ เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นจะมีลักษณะและพฤติกรรมเหมือนกับยีราฟสายพันธุ์ทั่วไป แต่มีความแตกต่างกันที่ลวดลายมีขนาดใหญ่ มีเส้นสีขาวตัดเส้นอยู่รอบๆ และบางลายจะปรากฏเป็นสีแดงเข้ม  ตั้งท้องนานประมาณ 400 วัน  ปัจจุบันยีราฟสายพันธุ์ reticulate เหลือเพียงประมาณ 8,500 ตัว ในโลกเท่านั้น ซึ่งนับเป็นจำนวนที่น้อย เมื่อเทียบกับระยะเวลาการตั้งท้องที่นานถึง 400 วัน และเกิดลูกเพียงครั้งละ 1 ตัวเท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจชมความน่ารักของสมาชิกใหม่ “น้องปีใหม่” ลูกยีราฟตัวน้อย  สามารถเข้าชมได้ที่ บริเวณห้องอาหารยีราฟ และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โทร. 053-920000, 053-999000








พ่อเมืองเชียงใหม่สวมบทชาวนาลงแขกเกี่ยวข้าว"ปลูกวันแม่เกี่ยววันพ่อ"


พ่อเมืองเชียงใหม่สวมบทชาวนาลงแขกเกี่ยวข้าว"ปลูกวันแม่เกี่ยววันพ่อ"ร่วมกับจิตอาสาและชาวบ้านกว่า 500 คน เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้ร่วมกับสืบสานประเพณีในการลงแขกเกี่ยวข้าว ซึ่งข้าวสารที่ได้จะนำไปทำบุญตักบตรในวันที่ 5 ธันวาคมและแจกจ่ายให้กับเด็กด้อยโอกาส เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
4 ธ.ค. 2560 นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีลงแขกเกี่ยวข้าวตามโครงการจัดงานเทศกาลข้าวใหม่จังหวัดเชียงใหม่ กิจกรรมชาวนาน้อย ร้อยเคียวเกี่ยวข้าว ร่วมกับจิตอาสาทำดี ชาวบ้าน นักเรียน และ อปท.ในพื้นที่บ้านท่า ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กว่า 500 คน เป็นการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้เข้าร่วมสนองพระราชดำริ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดฯ สยามบรมราชกุมารี ในการสนับสนุนส่งเสริมและสร้างความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการสมัครเข้าร่วมสนองพระราชดำริและดำเนินการจัดกิจกรรมจัดทำฐานข้อมูลทรัพยากรท้องถิ่น ทั้งทางด้านกายภาพ ชีวภาพ วัฒนธรรมและภูมิปัญญาเพื่อรักษา และอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป ซึ่งผืนนาแปลงนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ทำกิจกรรมสืบเนื่องทุกปีในการปลูกวันแม่เกี่ยววันพ่อ
อย่างไรก็ตามกิจกรรมชาวนาน้อย ร้องเคียวเกี่ยวข้าว ครั้งนี้ ยังเป็นกิจกรรมเพื่อให้ประชาชน เกษตรกร ตลอดจนเยาวชนในพื้นที่ได้อนุรักษ์ข้าวพันธุ์พื้นเมือง วิถีชีวิถีชีวิตชาวนาให้กับคนรุ่นใหม่ร่วมกันสืบสานประเพณีวัฒนธรรมของการลงแขกเกี่ยวข้าวแบบวิถีพื้นเมือง สำหรับข้าวที่เกี่ยวได้แล้วนำไปสีเป็นข้าวสารจะนำไปทำบุญตักบาตรเนื่องในวันที่ 5 ธันวาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษา รัชกาลที่ 9 พร้อมนำไปแจกจ่ายให้กับเด็กด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ และผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่ตำบลสันผีเสื้อ เพื่อร่วมกันถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10 พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ด้วย
กมล เครือนิล ทีมข่าว ที่นี่....เชียงใหม่ สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน






พ่อเมืองเชียงใหม่ตรวจติดตามความเรียบร้อยพระเมรุมาศจำลอง ภายหลังดำเนินการแล้วเสร็จ



พ่อเมืองเชียงใหม่ตรวจติดตามความเรียบร้อยพระเมรุมาศจำลอง ภายหลังดำเนินการแล้วเสร็จ เตรียมตกแต่งพื้นที่และรายละเอียดด้านต่างๆ ในการประกอบราชพิธีฯ โดยการตกแต่งเน้นความเป็นล้านนา และดอกไม้สีเหลืองให้เต็มพื้นที่ โดยเฉพาะดอกดาวเรืองกว่า 6 หมื่นต้นมาตกแต่งคาด 20 ตค.นี้จะแล้วเสร็จทั้งหมด

นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาตรวจการก่อสร้างพระเมรุมาศจำลอง ณ  ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ จุดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ ของจังหวัดเชียงใหม่ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ  การก่อสร้างแล้วเสร็จ 100 %  ส่วนการตกแต่งพื้นที่โดยรอบขณะนี้จัดเตรียมพรรณไม้ต่างๆ โดยเฉพาะดอกดาวเรืองกว่า 6 หมื่นต้น ที่เตรียมนำมาตกแต่งให้แล้วเสร็จ คาดจะเสร็จสิ้นทั้งหมดวันที่ 20 ตุลาคมนี้ 
สำหรับสถานที่เผาดอกไม้จันทน์ จะอยู่ในบริเวณศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ โดยตั้งอยู่ห่างจากพระเมรุมาศจำลอง 100 เมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการแกะแบบก่อสร้าง และเริ่มดำเนินการก่อสร้างฐานราก ซึ่งจะทำตามรูปแบบของกรมโยธาธิการและผังเมือง มีขนาดฐานราก 8 × 8 เมตร ขนาดของเตาเผา 1.20 × 2.40 เมตร
ส่วนการตกแต่งลายละเอียดต่างๆ คงเน้นดอกไม้สีเหลือง และความเป็นล้านนาให้มากที่สุด ให้มีความสวยงามงดงาม ในพื้นที่การจัดงานพระราชพิธีฯ ถวายดอกไม้จันทน์ ของจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนวันที่ 24 ตุลาคมจังหวัดเชียงใหม่จะจัดพิธีซ้อมใหญ่เพื่อเตรียมความพร้อมอีกครั้ง 
กมล เครือนิล ทีมข่าว"ที่นี่....เชียงใหม่" Fast News สำนักข่าว เชียงใหม่อัเดตนิวส์ รายงาน







ประธานชมรมรักวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ นายเฉลิม สารแปง ยื่นหนังสื่อต่อผู้ว่าฯกรณี การปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน


ประธานชมรมรักวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ นายเฉลิม สารแปง ยื่นหนังสื่อต่อนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอให้ทางหน่วยงานราชการจังหวัดเชียงใหม่ สนับสนุนการจัดงานประเพณียี่เป็งเมืองเชียงใหม่ อนุญาตให้มีการปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน ผู้ว่าย้ำ ไม่ได้ห้ามแต่ต้องปฎิบัติตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 6 ต.ค.2560 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายเฉลิม สารแปง ประธานชมรมรักวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายพิพานพง วงค์วัจนสุนทร ผู้ทรงคุณวุฒิสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่,พ.จ.ท.สาคร ปีกอง ผู้จัดการงานควบคุมจราจรทางอากาศยาน(เขตประชิดสนามบินภูมิภาค)ศูนย์ควบคุมการบินเชียงใหม่ บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และคณะ ได้เข้ายื่นหนังสื่อต่อนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอให้ทางหน่วยงานราชการจังหวัดเชียงใหม่ สนับสนุนการจัดงานประเพณียี่เป็งเมืองเชียงใหม่ อนุญาตให้มีการปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน และให้มีการงดการบินในห้วงเวลาดังกล่าว และมาตรฐานในการผลิตและจำหน่ายโคมลอย โคมไฟ หรือว่าวไฟที่เหมาะสม
 นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเมืองที่มีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม ในช่วงเทศกาลเดือนยี่เป็งของทุกปี ตั้งแต่วัน2-3 พ.ย.ของทุกปี จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ จำนวนมากในช่วงเทศกาลงานประเพณียี่เป็ง ดังนั้นตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 27/2559 เรื่องมาตรการป้องกันเหตุและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2559 ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดทำประกาศจังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นใน มาตรการป้องกันและการรักษาความปลอดภัย และการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนในการจุดแบะปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม)หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ขึ้นไปสู่อากาศ ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2559 ซึ่งผ่านความเห็นชอบร่วมกันของคณะกรรมการจังหวัดเชียงใหม่ และสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.2559 
ห้ามมิให้ผู้ใด จุดและปล่อย หรือกระทำการใด หรือโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม) หรือวัตถุใดที่คล้ายคลึงกัน ขึ้นไปสู่อากาศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายอำเภอแห่งท้องที่ และได้ปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ในประกาศของจังหวัดเชียงใหม่ ,ผู้ใดจุดและปล่อย หรือกระทำอย่างใด เพื่อให้โคมไฟ โคมลอย โคมควัน(ว่าวฮม)หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ขึ้นไปสู่อากาศ ได้มีการกำหนดให้กระทำได้ในห้วงระยะเวลา 3 วัน คือตั้งแต่วันที่ 2 -3 พ.ย. ให้กระทำได้ในวันลอยกระทง (กระทงเล็ก) ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทยของทุกปี โดยให้จุดและปล่อยตั้งแต่เวลา 19.00 น.ถึงเวลา 01.00 น.ของวันถัดไป ยกเว้น เฉพาะการปล่อยโคมควัน(ว่าวฮม)ให้กระทำการจุดและปล่อยตั้งแต่เวลา 10.00 น.ถึงเวลา 12.00 น. (ปี พ.ศ.2560 ตรงกับวันที่ 3 พ.ย.2560 ) และให้กระทำในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ของทุกปี (กระทงใหญ่)โดยให้จุดและปล่อยตั้งแต่เวลา 19.00 น.ถึงเวลา 01.00 น.ของวันถัดไป (ปี พ.ศ.2560 ตรงกับวันที่ 4 พ.ย.2560) และให้กระทำได้ในเทศกาลส่งท้ายปีเก่า – ต้อนรับปีใหม่ ในช่วงคืนวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี โดยให้จุดและปล่อยตั้งแต่เวลา 19.00 น.ถึง 01.00 น.ของวันถัดไป 
ทางด้านนายเฉลิม สารแปง ประธานชมรมรักวัฒนธรรมเชียงใหม่ กล่าวว่า จากการที่ตนเองพร้อมคณะได้เข้าพบและยื่นหนังสือต่อท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขออนุญาตปล่อย โคมลอย โคมไฟ โคมควัน(ว่าวฮ่ม) ในช่วงงานเทศกาลประเพณียี่เป็ง ระหว่างวันที่ 2-3 พ.ย.2560 ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ได้รับหนังสือขออนุญาต ดังกล่าวแล้ว โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้การสนับสนุนการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ สนับสนุนการจัดงานประเพณียี่เป็ง หรืองานลอยกระทง และได้ตักเตือนหน่วยงานทั้งของภาครัฐ เอกชน ที่มีการจุดและปล่อยโคมไฟ โคมลอย โคมควัน(ว่าวฮม)ให้ระมัดระวังในเรื่องของความปลอดภัย การเกิดไฟไหม้ บ้านเรือน อาคาร สถานที่ต่างๆ ต้องมีการวางแผนป้องกันเหตุทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน  และนักท่องเที่ยว ทั้งนี้จังหวัดเชียงใหม่ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมในช่วงงานประเพณียี่เป็ง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ ของชาวเชียงใหม่ อีกด้วย.
กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" Fast News สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน




กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 จัดประชุมWhat’s next of The Smart City for Aging Tourism



กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 จัดประชุม 
“What’s next of The Smart City for Aging Tourism?”
ในโครงการ “เมืองอัจฉริยะสำหรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุในภาคเหนือตอนบน 1  
(The Smart City for Aging Tourism in Upper North 1 Thailand)”

 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1  จัดประชุม “What’s next of The Smart City for Aging Tourism?”  ในโครงการ “เมืองอัจฉริยะสำหรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุในภาคเหนือตอนบน 1  (Smart City for Aging Tourism in Upper North 1 Thailand)”  ระหว่างวันที่  5 - 6 ตุลาคม 2560​ณ โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่  โดยได้รับเกียรติจากนายกฤษณ์  ธนาวณิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  เป็นประธานในการแถลงข่าว
โครงการเมืองอัจฉริยะสำหรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุในภาคเหนือตอนบน 1 (Smart City for Aging Tourism in Upper North 1 Thailand) เป็นโครงการที่สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดทำขึ้น   โดยทำการศึกษาบทเรียน Smart City for Aging Tourism ของทั่วโลก และนำมาปรับใช้กับจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 อันประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่  แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน   เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการท่องเที่ยวของแหล่งท่องเที่ยวผู้สูงอายุ พร้อมทั้งจัดทำฐานข้อมูลและเว็บเซอร์วิสของระบบสนับสนุนการตัดสินใจในการบริหารจัดการเส้นทางการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 สำหรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ เพื่อมุ่งประโยชน์ในด้านการพัฒนาบริการด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ เทคโนโลยีสารสนเทศและสิ่งบริการ อีกทั้งเป็นการเพิ่มและกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับประชาชนในภาคเหนือตอนบน 1   และเพื่อให้การศึกษาสนับสนุนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้มากที่สุด โครงการเมืองอัจฉริยะสำหรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุในภาคเหนือตอนบน 1 (Smart City for Aging Tourism in Upper North 1 Thailand) จึงได้จัด “ประชุมนำเสนอบทเรียน Smart City for Aging Tourism” ขึ้น ระหว่างวันที่  5 - 6 ตุลาคม 2560​ณ โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว
 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่   เพื่อนำเสนอบทเรียนผ่านการศึกษาทบทวน Smart City for Aging Tourism ที่มีทั่วโลกทั้งในทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป ทวีปเอเซีย ภูมิภาคอาเซียน และประเทศไทย การนำเสนอแนวคิดของคนในท้องถิ่นจากผลการจัดเวทีสาธารณะ Smart City for Aging Tourism และนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุต่อเมืองอัจฉริยะในจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน) ให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและประชาชนที่สนใจ เพื่อความเข้าใจการจัดการเมืองแบบอัจฉริยะและการจัดการการท่องเที่ยวสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อการจัดการการท่องเที่ยวที่ดีมีประสิทธิภาพ และเพื่อการพัฒนาให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอัจฉริยะสำหรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุในอนาคตต่อไป
สำหรับเมืองอัจฉริยะหรือ Smart City เป็นหนึ่งในแนวคิดที่สามารถนำมาช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวของผู้สูงอายุได้ เนื่องจาก Smart City คือ เมืองที่ได้รับการออกแบบ โดยให้ความสำคัญในสามองค์ประกอบหลัก คือ การพัฒนารูปแบบและโครงสร้างของเมืองที่สอดรับกับแนวคิดของเมืองอัจฉริยะ การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ประกอบกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ และข้อมูลมาช่วยในการบริหารจัดการทรัพยากรของเมืองเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ระบบบริหารจัดการเครือข่ายพลังงานอัจฉริยะ ที่เรียกว่า Smart Grid ระบบมิเตอร์อัตโนมัติ ระบบควบคุมการจราจรอัจฉริยะ ระบบควบคุมอาคารอัจฉริยะ และระบบตรวจวัดมลภาวะ เป็นต้น   ทั้งนี้ ภาคเหนือตอนบน 1 เป็นกลุ่มจังหวัดที่มีภูมิประเทศที่สวยงามและภูมิอากาศดี เย็นสบาย มีทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย มีอัตลักษณ์ ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของล้านนา มีความแตกต่างทางชาติพันธุ์ มีประวัติศาสตร์ล้านนาอันยาวนาน  จึงทำให้มีเมืองต่างๆ และแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวและพักผ่อนมากมาย   ซึ่งสามารถจัดทำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุในแต่ละช่วงวัยได้  และกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุนี่เองที่เป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจด้านการท่องเที่ยว และเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง  ซึ่งจะสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ได้เป็นอย่างดี
กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" Fast News สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน






ชาวจังหวัดเชียงใหม่ กว่า 750 คน เดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ รอบสุดท้าย



ประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ กว่า 750 คน เดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รอบสุดท้ายของจังหวัดเชียงใหม่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 กันยายน 2560 ที่ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงใหม่ ตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมปล่อยขบวนรถ เพื่อเดินทางไปเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีประชาชนชาวเชียงใหม่ จำนวน 790 คน ซึ่งมีขบวนคณะเดินทางด้วยรถบัสทั้งหมด 18 คัน จาก 5 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอสารภี สันป่าตอง สะเมิง สันกำแพง และอำเภอสันทราย และมีกำหนดเดินทางถึงบริเวณสนามหลวงกรุงเทพมหานคร เวลา 02.00 น. ของวันที่ 11 กันยายน 2560 เพื่อเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง 
สำหรับ การเดินทางไปเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ ในครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 12 ซึ่งก่อนหน้านี้ จังหวัดเชียงใหม่แจ้งให้ประชาชนไปทุกอำเภอ ตำบล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยผู้ที่มีความประสงค์จะเดินทางไปเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ ก็ได้ทยอยแจ้งความประสงค์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นรอบสุดท้าย ก่อนที่จะปิดให้กราบสักการะพระบรมศพวันสุดท้ายในวันที่ 30 กันยายนนี้ และจะให้เจ้าหน้าที่เข้ารื้อเต็นท์ พร้อมกับปรับภูมิทัศน์ท้องสนามหลวงและบริเวณโดยรอบ โดยกำหนดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 3-4 ตุลาคม 2560 เพื่อเตรียมความพร้อมเส้นทางริ้วขบวนออกพระเมรุ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุยเดช วันที่ 26 ตุลาคม 2560 พร้อมกันทั่วประเทศ
ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข่าว : อภิชาติ เฮงพลอย  /  ส.ปชส.เชียงใหม่