<<<<<..... ลักษณะอากาศทั่วไป วันนี้ ( 20 มกราคม 2567 ) เวลา 06.00 น. วันนี้ถึง 06.00 น.ของวันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ....ตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาค อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่ อัปเดตนิวส์ รายงาน. แหล่งที่มาของข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา - https://www.tmd.go.th/thailand.php .....................................................>>>>

ปปส.จัดเต็มลุยกลุ่มผู้ค้ายา ”เครือข่ายหมื่นจะดา” ยึดทรัพย์กว่า 450 ล้านบาทปืนอีกเพียบ


ป.ป.ส.บูรณาการครั้งใหญ่ทั้งทหารตำรวจปกครองปิดล้อมตรวจค้นขบวนการยาเสพติดรายสำคัญ ตามแผนปฏิบัติการขุดรากถอนโคนขบวนการยาเสพติด ลุยจับเครือข่าย”หมื่นจะดา”รวบผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า และยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 450 ล้านบาท

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 30 ก.ค.59 ณ ศูนย์ปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย (ศป.มข.) จว.เชียงใหม่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป.2) ,พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกสร ผบช.ปส.,พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ. นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการปราบปรามยาเสพติด อีกหลายหน่วยงาน ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติขุดรากถอนโคนขบวนการยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล ครั้งที่ 4 กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด “เครือข่ายหมื่นจะดา”ผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ภาคเหนือ หลังจากที่ได้มีการปฏิบัติตามแผนขุดรากถอนโคนขบวนการยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล ครั้งที่ 1-3 สมารถตรวจยึดยาเสพติด ยาบ้าได้กว่า 2 ล้านเม็ด และตรวจยึดทรัพย์สินได้ กว่า 600 ล้านบาท




ทางด้าน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป.2) เปิดเผยว่า จากผลการปิดล้อมตรวจค้นขบวนการยาเสพติดรายสำคัญตามแผนปฏิบัติการขุดรากถอนโคนขบวนการยาเสพติด ตามนโยบาย ครั้งที่ 4 “เครือข่ายหมื่นจะดา”ที่กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและธุรกรรมทางการเงินและทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิด โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเครือข่ายโยงใยจะต้องดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 124 เป้าหมาย ประกอบด้วยพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 85 เป้าหมาย พื้นที่ภาคใต้ จำนวน 18 เป้าหมาย พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล จำนวน 19 เป้าหมาย พื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 2 เป้าหมายโดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด  ได้สนธิกำลังกับตำรวจภูธรภาค5 และฝ่ายปกครองเข้าค้น 14 เป้าหมาย และยังได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินจำนวนมากได้แก่  บ้านพักอาศัยพร้อมที่ดิน จำนวน 1 หลังในพื้นที่ อ.ฝาง จว.เชียงใหม่,ห้องพักอาคาร จำนวน 2 ห้อง,สถานที่ประกอบธุรกิจในเครือ ร้านอาหารกึ่งผับ จำนวน 1 แห่ง อู่ซ่อมรถยนต์ จำนวน 1แห่ง ร้านอุปกรณ์ตบแต่งรถยนต์ จำนวน 2 แห่งสวนส้มจำนวน 120 ไร่ ในพื้นที่ อ.ฝาง โรงแว๊คส้ม หลังสวนส้มเกษตรชัยเจริญ จำนวน 1 โรง อ.ฝาง จว.เชียงใหม่,หุ้นส่วนบริษัท ร้านวิเศษ 168 จำนวน 10,000 หุ้น ,รถยนต์ จำนวน 4 คัน ,รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน,อาวุธปืน จำนวน 8 กระบอก เครืองกระสุนปืน รวมทั้งสิ้น 189 นัด โดยเป็นการยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและข้อหาฟอกเงิน รวมทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ประมาณ 400 ล้านบาท 

 สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน







เชียงใหม่แถลงย้ำสื่อทั้งไทย-จีน กระตุ้นเน้นรับนักเที่ยวจีน หลังโซเซี่ยลลือบอยคอต ย้ำชัดต้อนรับทุกชาติรองรับทุกด้านเต็มที่


รองผู้ว่าฯเชียงใหม่ขนทุกหน่วยงานระดมแถลงย้ำต่อสื่อทั้งไทย จีน ในการต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีนเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยว หลังถูกกระแสโซเซี่ยลลือสะพัดนักท่องเที่ยวจีนบอยคอต ย้ำชัดต้อนรับทุกชาติและทำงานทุกด้านรองรับอย่างเต็มที่ ฟันธงจีนบอยคอตแค่คนไทยมโนกันเอง

วันที่ 29 กค.2559 เวลา 10.00 น. สโมสรแพนด้า สวนสัตว์เชียงใหม่  จ.เชียงใหม่ นายมงคล สุกใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธาน การประชุมและแถลงถึงความพร้อมของจังหวัเชียงใหม่ในการให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนและนักท่องเที่ยวทุกชาติโดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย พ.ต.อ.พิษณุ อุณหเสรี รอง ผบก.ภ.จว.ชม. นายวิสูตร บัวชุม ผอ.ททท.สำนักงานเชียงใหม่ นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ พ.ต.ต.พิษณุ เตรียมดี สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 1 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ดร.บุญทา ชัยเลิศ ประธานสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ นายกาจ ตันตรานนท์   และนายชัยณรงค์ ยกทองมา กรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ และนายรัชกร ปิยะสัจจะบูลย์ รองเลขาธิการหอการค้า จ.เชียงใหม่ เข้าร่วมประชุม รวมทั้งสื่อมวลชนจำนวนมาก การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมบูรณาการทุกหน่วยงานทางด้านท่องเที่ยวและด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้องหลังจากมีกระแสข่าวแพร่สะพัดในโลกออนไลน์ ว่านักท่องเที่ยวจีน"งอล"ไม่ยอมมาเที่ยวเชียงใหม่ เพราะโดนโจมตีพฤติกรรมต่างๆทางโซเชียล ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่และไกล้เคียงต่างโอดครวญเพราะยอดนักท่องเที่ยวตก



นายมงคลกล่าวว่า ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากโดยเฉพาะชาวจีนมาเชียงใหม่มากถึง 8 แสนคน ตอนนี้เป็นช่วงกรีนซีซั่นมีฝนตกนักท่องเที่ยวก็ลดลงปกติ แต่การวางแผนรองรับจนถึงฤดูหนาวนี้หรือไฮซีซั่น ก็อยากให้มีมาปกติและมากขึ้นจึงเป็นที่มาของการเตรียมพร้อมรองรับเพื่อให้เกิดความสบายใจและได้จ้อมูลที่ถูกต้อง เพราะเชียงใหม่เราก็เป็นเมืองที่ได้รับรางวัลระดับโลกล่าสุดอันดับสองของโลกของนิตยสารดังเทรเวลแอนด์เลเชอร์ รวมทั้งที่ชาวจีนโหวตให้เป็นเมืองน่ามาเที่ยวอันดับหนึ่งสองปีซ้อน การต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกชาติเป็นสิ่งที่เราต้องแสดงให้เห็นความพร้อมนี้ เพื่อให้บรรยากาศท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าหมายของการส่งเสริมและกระตุ้นบรรยากาศท่องเที่ยว โดยไม่มีเรื่องของ“คนเชียงใหม่ไม่ต้อนรับชาวจีน” หรือ ดูถูกนักท่องเที่ยวจีนตามกระแสแน่นอน

รองผู้ว่าราชการเชียงใหม่ยืนยันว่า กรณีการบอยคอตไม่มีเหตุจากจีน คนไทยสื่อคิดกันเองเขาไม่ได้พูดเลย กรณีคาราวานรถก็เป็นคนละกรณีกันแต่ก็กระทบไม่มาก ยิ่งช่วงนี้รถไม่เข้ามาอยู่แล้วเพราะสภาพฝนดินฟ้าอากาศไม่เอื้อ ดังนั้นยืนยันไม่มีเหตุบอยคอตแต่คนไทยคิดกันเองแล้วเกิดเป็นกระแส ขอความร่วมมือสื่อในการนำเสนออีกทางหนึ่งเพื่อไม่ให้เข้าใจผิด ซึ่งกระแสทางสังคมออนไลน์นับว่าเป็นเรื่องสำคัญและมีบทบาทต่อนักท่องเที่ยวอย่างสูง



ด้านนายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวว่า ยืนยันไม่มีการพูดถึงกระแสคนจีนบอยคอตประเทศไทยตามที่เป็นข่าวเป็นการเข้าใจและตีความ ขยายความกันไปเองของบางคนในทางโซเชียลมีเดียจึงไม่อยากให้เข้าใจผิดเรื่องนี้อีก ผ่านมาตัวเลขนักท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวโตมากที่ผ่านมา 30-40% นักท่องเที่ยวมากสุดคือชาวจีน แต่ภาพรวมคือเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอยู่แล้ว 

ด้าน นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งเชียงใหม่ ยืนยันว่า นักทีองเที่ยวชาวจีนยังเดินทางปกติและระบบขนส่งเมืองก็มีการรองรับอยู่แล้วส่วนการนำรถเข้ามาตามระเบียบของกรมการขนส่งทางบกก็เป็นระเบียบปกติที่เห็นว่า ล่าสุดทางกรมการขนส่งทางบก ได้รับเรื่องไว้เพื่อพิจารณาตามการร้องขอผ่อนปรนบางข้อบังคับที่ได้ออกมา ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับหน่วยงานด้านท่องเที่ยวก่อนจะมีข้อสรุปออกอีกครั้ง

ขณะที่ นายบุญทา ชัยเลิศ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่กล่าวว่า ตอนนี้แหล่งท่องเที่ยวมาก ชาวจีนก็ชอบมาเที่ยวสูง ปีหน้าเรามีเป้าหมายเป็น the best เราวางแผนจะจัดมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวเพื่อให้ทราบว่า ต้องการระดับไหนอย่างไรในทุกบริการด้านท่องเที่ยว เช่น แหล่งท่องเที่ยว รถเช่า โรงแรมที่พัก กรณีที่เป็นห่วงระเบียบเรื่องรถจากจีนก็ยอมรับเป็นมาตรฐานสากล ปกติมีปีละ 2 หมื่นคันก็พะวงเลยทำหนังสือถึงกระทรวงคมนาคม เพื่อแก้ไขเท่านั้น ตนคิดว่าเรื่องบอยคอตเป็นความเข้าใจผิดมากกว่า กรณีทัวร์ที่เป็นคาราวานที่เขาขายไม่ได้แล้วเกิดผลกระทบ แล้วไปให้เหตุกับเรื่องระเบียบขนส่งทางบก ส่วนที่มาทางอากาศปกติ





นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผอ.สวนสัตว์ ตัวแทนผู้ให้บริการกล่าวว่า สวนสัตว์พร้อมในการบริการแกนักท่องเที่ยวเต็มที่ ต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกชนชาติ ช่วนเหลืออำนวยความสะดวกให้ในเรื่องอื่นๆด้วย โดยทำในฐานะเป็นตัวแทนียงใหม่ไม่ใช่แค่สวนสัตว์เท่านั้น การให้ความประทับใจ ความอบอุ่นประทับใจคือเรื่องสำคัญ อยากให้เรามองในฐานะเป็นเชียงใหม่เพราะหากมีภาพเสียหายหรือเป็นประโยชน์ก็เป็นภาพรวมอยู่แล้ว

ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข่าว
ทีมข่าว ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน







กระแสนักท่องเที่ยวจีนบอยคอตประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่สั่งหน่วยงาน ชึ้แจงข้อเท็จจริงด่วน เกรงบานปลายส่งผลกระทบต่อรัฐและประชาชน


กระแสนักท่องเที่ยวจีนบอยคอตประเทศไทย - คนเชียงใหม่ไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน ถูกนำไปขยายความกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดทางสื่อสังคมออนไลน์ จังหวัดเชียงใหม่สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดแถลงข่าว ชึ้แจงข้อเท็จจริงด่วน เกรงบานปลายส่งผลกระทบต่อรัฐและประชาชน

นายมงคล สุกใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการแชร์ข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ ภายหลังหนังสือพิมพ์ซิงเสียนเยอะเป้าของจีนลงข่าวไม่สนับสนุนให้คนจีนเข้ามาเที่ยวประเทศไทยและจังหวัดเชียงใหม่ โดยกล่าวอ้างว่า “คนเชียงใหม่ไม่ต้อนรับชาวจีน” หรือ ดูถูกนักท่องเที่ยวจีน เป็นผลสืบเนื่องจากการออกกฎหมายของกระทรวงคมนาคมที่จำกัดขอบเขตรถบ้านจากจีนเข้ามาในประเทศไทย ให้อยู่ได้เฉพาะจังหวัดต้นทางด่านที่เข้ามา ไม่ให้ข้ามจังหวัด และต้องขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อย 60 วัน เมื่อมีการนำไปโพสต์และแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์ มีการนำเรื่องเก่าเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีนมาสร้างกระแส ให้เข้าใจผิดว่า คนเชียงใหม่รังเกียจชาวจีน เพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนบอยคอตเชียงใหม่ ซึ่งในเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากความวิตกกังวลต่อมาตรการควบคุมรถบ้านและคาราวานรถยนต์จากประเทศจีนของผู้ประกอบการนำเที่ยวในประเทศไทย ที่ให้สัมภาษณ์สื่อจีน และได้ขอให้มีการทบทวนใหม่ เพราะเกรงว่ากฎหมายจะตัดโอกาสทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย กลับเป็นเรื่องที่นำไปขยายความ เข้าใจผิดบานปลาย กลายเป็นประเด็นคนเชียงใหม่รังเกียจนักท่องเที่ยวจีน ไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน และมีการพูดถึงคนจีนบอยคอตไม่เข้ามาเที่ยวประเทศไทย เรื่องนี้จะนิ่งนอนใจไม่ได้ จึงสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานผู้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ จัดแถลงข่าวด่วนต่อสื่อมวลชนทั้งสื่อจีนและสื่อไทย โดยเชิญทางกงสุลจีนประจำเชียงใหม่ ให้เข้าร่วมรับฟังด้วยเพราะเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องเสียหายต่อรัฐและประชาชน
นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานเชียงใหม่  กล่าวว่า ผู้ว่าการ ททท.ได้ออกแถลงข่าวต่อสื่อข่าวจีนที่กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ในส่วนของภาคเหนือได้เชิญผู้นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่ได้ยกประเด็นนี้มาพูด เพื่อไม่ให้ข้อมูลบานปลายไปมากกว่านี้ จากการสอบถามไปยัง สำนักงาน ททท. ในประเทศจีนทุกแห่งไม่ว่าจะเป็น สำนักงานกรุงปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้, กวางโจว, เฉิงตู ทุกแห่งบอกว่าไม่มีการพูดถึงกระแสคนจีนบอยคอตประเทศไทยตามที่เป็นข่าว กลายเป็นว่านักข่าวมาขอสัมภาษณ์ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย นำไปตีความ ขยายความกันไปเองจนเกินขอบเขตในทางโซเชียลมีเดีย ตอนนี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังพยายามทำความเข้าใจ เพื่อพยายามให้จบประเด็นนี้ให้ได้
ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเชียงใหม่  กล่าวอีกว่า  นักท่องเที่ยวจีนที่มาจังหวัดเชียงใหม่ประมาณปีละ 8 แสนคน แต่ตัวเลขที่เข้ามาทางด่านที่อำเภอเชียงของจังหวัดเชียงราย ด่านประมาณ 50,000 คนเท่านั้น ไม่น่าจะกระทบต่อการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่มากนัก หากกฎหมายใหม่ของกระทรวงคมนาคมออกมาใช้ ผู้ที่เดือดร้อนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการนำเที่ยวที่จัดคาราวานจากคุนหมิง มาตามเส้นทาง R3A ประมาณ  7- 8 ราย เท่านั้น ซึ่งตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้ามาทางด่านอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นนักท่องเที่ยวทั้งหมด แต่เมื่อมีการนำไปโยงเรื่องอื่นขยายความให้เกิดกระแสคนเชียงใหม่รังเกียจนักท่องเที่ยวชาวจีน ไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ขยายวงกว้างออกไปจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวทั้งที่เดินทางโดยเครื่องบินและรถยนต์แน่นอน

ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข่าว : ข่าว สวท.เชียงใหม่ 
สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน




วีทีวี ส่งมอบกล้องวงจรปิดให้กับสถานศึกษาพิเศษ และสถานสงเคราะห์ต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่




ผู้บริหาร บริษัท เวิลด์ เอนเตอร์เทนเมนท์ เทเลวิชั่น จำกัด หรือ วีทีวี นัมเบอร์วันด้านการสื่อสารของเชียงใหม่ นำโดย คุณสาริศา สูตะบุตร และคุณบวรรัฐ สูตะบุตร พร้อมด้วย พันตำรวจเอก สิทธิชัย ทนันไชย 
รองผู้บังการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางไปร่วมส่งมอบกล้องวงจรปิดให้กับสถานศึกษาพิเศษ และสถานสงเคราะห์ต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ สืบเนื่องจากกิจกรรม WETV Open House เมื่อวันที่ 
18 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา และได้เปิดรับบริจาคเงินเพื่อสมทบทุน จัดหากล้องวงจรปิด โดยยอดเงินบริจาคในครั้งนั้น สามารถรวบรวมได้ทั้งสิ้น 138,100 บาท โดยทาง วีทีวี นัมเบอร์วัน ด้านการสื่อสารของเชียงใหม่ จึงได้ทำการสำรวจความต้องการ และจัดหากล้องวงจรปิด เพื่อนำไปติดตั้ง ในการอำนวยความสะดวกด้านการปลอดภัย และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Police Eyes ของตำรวจภูธรภาค 5 โดยวานนี้ ได้เดินทางไปส่งมอบอย่างเป็นทางการ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือในพระบรมราชินูปถัมภ์จังหวัดเชียงใหม่ ,สถานสงเคราะห์คนชรา บ้านธรรมปกรณ์ เชียงใหม่ ,มูลนิธิเด็กกำพร้าบ้านกิ่งแก้ววิบุลสันติเชียงใหม่ ,โรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร และโรงเรียนกาวิละอนุกูล โดยได้ทำการติดตั้ง พร้อมเชื่อมต่อสัญญาณโทรทัศน์วงจรปิดให้เป็นที่เรียบร้อย 
  โดยกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งนั้น ส่วนหนึ่ง ทางสถานที่ จะได้ติดตั้งไว้เพื่อดูแลความปลอดภัยทั้งในและนอกอาคาร รวมทั้ง จะได้เข้าร่วมโครงการ Police Eyes กับทางตำรวจภูธรภาค 5 ในการหันมุมกล้อง ออกสู่พื้นที่สาธารณะเพื่อเป็นหูเป็นตาและดูแลสังคมโดยรอบให้ปราศจากอาชญากรรมอีกด้วย

ทีมข่าว ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน









ตำรวจ-ทหาร-ปกครอง ปูพรมตรวจค้น 6 จุด เครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่น เอี่ยวจดหมายและใบปลิวบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ (มีคลิป)


"ที่นี่....เชียงใหม่" ตำรวจ-ทหาร-ปกครอง ปูพรมตรวจค้น 6 จุด เครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่น เอี่ยวจดหมายและใบปลิวบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ หลังพบเบาะแสกล้องวงจรปิดมัด
โดยเมื่อเวลา 08.00น. วันที่ 23 กค .59 จังหวัดเชียงใหม่สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหารมณฑลทหารบกที่ 33และตำรวจภูธรจว.เชียงใหม่ กำลัง อส. พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 6 จุดที่เป็นเครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่นซึ่งเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนส่งจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนหนึ่งที่เข้าตรวจค้นได้แก่ที่ บริษัท ทัศนาภรณ์ จำกัด บริเวณ ถ.เชียงใหม่-สันกำแพง ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวของตระกูลบูรณุปกรณ์ และบ้านเลขที่ 11ม.1 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกันกับบริษัท ทัศนาภรณ์ จำกัด รวมทั้งเป้าหมายอื่นๆ อีก 4 จุดซึ่งอยู่บนถนนเส้นเชียงใหม่-สันกำแพง การเข้าตรวจค้นดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่มีข้อมูลหลักฐาน เป็นจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 11,181ฉบับ ตรวจยึดได้ที่ไปรษณีย์เชียงใหม่ และจากภาพกล้องวงจรปิด รวมทั้งล่าสุดสามารถควบคุมตัวนายสามารถ ขวัญชัย อายุ 63 ปี ที่ก่อเหตุติดใบปลิวโจมตีร่างรัฐธรรมนูญบริเวณห้างสรรพสินค้า พันทิพย์ พลาซ่า พื้นที่เชียงใหม่ไนท์บาซา ได้เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา และมีการนำตัวไปสอบสวนอย่างละเอียด โดยจากการตรวจค้นเบื้องต้น พบหลักฐาน เอกสารจำนวนมาก ซองจดหมาย กระดาษ รวมถึงเครื่องปริ๊นที่ใช้สำหรับทำจอดหมายอยู่บิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ อยู่ใน บริษัททัศนาภรณ์ จำกัด ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ในบริษัท ทัศนาภรณ์ จำกัดอ้างว่า อุปกรณ์ทั้งหมดเป็นของนายวิศรุต คุณะนิติสาร อายุ 35 ปี ซึ่งอยู่บ้านเลขที่ 11 ม. ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นคนสนิทของนักการเมืองชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจสอบบ้านดังกล่าวแต่ไม่พบตัวนายวิศรุต คาดได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้ว ตรวจสอบพบเพียงรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเว็บ สีน้ำเงิน (ไม่ทราบแผ่นป้ายมะเบียน) รองเท้าหมวกกันน็อคและเสื้อแจ็คเก็ต 1 ตัว โดยจากการตรวจสอบเปรียบเทียบจากภาพกล้องวงจรปิดเบื้องต้นพบว่า เสื้อผ้าและรถจักรยานยนต์มีลักษณะใกล้เคียงกันกับที่ผู้ก่อเหตุใช้ในการนำจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ ไปหย่อนตามตู้ไปรษณีย์ตามจุดต่างๆ ทั่วพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จึงได้ทำการตรวจยึดและเก็บไว้เป็นหลักฐานต่อไป

ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน







ม.ราชภัฏ ชม.จัดเวทีใหญ่แจงความเข้าใจร่าง รธน.ก่อนลงประชามติ


"ที่นี่....เชียงใหม่"  ม.ราชภัฏ ชม.จัดเวทีใหญ่แจงความเข้าใจร่าง รธน.ก่อนประชามติ "มีชัย"ยกทีมร่วมคลายปมสงสัยทามกลางดูแลเข้ม

วันที่ 21 ก.ค. 2559 เวลา 10.00 น. ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่จัดเวทีสัมนาเชิงวิชาการเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อปวงชนชาวไทย เพื่อเป็นการให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญแก่นักศึกษา บุคลากรและประชาชนทั่วไปก่อนออกเสียงประชามติวันที่ 7 สิงหาคมนี้ โดยมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ มาบรรยายพิเศษชี้แจงทำความเข้าใจในร่างรัฐธรรมนูญในภาพรวมทั้งสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องเชิงวิชาการชัดเจน โดยมีผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจงในประเด็นต่างๆ ที่กำลังตกเป็นข้อสงสัยของสังคมรวมทั้งคำถามพ่วงด้วย 
ช่วงบ่าย มีการบรรยายพิเศษ เรื่อง “สาระสำคัญและเรื่องน่ารู้ในร่างรัฐธรรมนูญ” โดย ศำสตรำจำรย์ ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)และบรรยายพิเศษและชี้แจง เรื่อง “ประเด็นคำถามพ่วง”โดย นำยคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศท่ามกลางผู้ร่วมสัมมนาเป็นจำนวนมากและมีการจัดกำลังดูแลความเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะทางด้านการรักษาความปลอดภัย กกล.รส.มทบ.33 ได้จัดกำลัง จนท.สห.จำนวน 300 นาย คอยดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย ตามจุดต่างๆ ภายใน ศูนย์ประชุมฯ

ทีมข่าว ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน









เชียงใหม่วันหยุดยาว 3 วันเกิดอุบัติเหตุ 72 ครั้ง ตาย 7 ราย บาดเจ็บรวม 50 ราย


สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยเชียงใหม่ เผยวันหยุดยาว 3 วันเกิดอุบัติเหตุ 72 ครั้ง  ตาย  7 ราย  บาดเจ็บรวม 50 ราย  พบเป็นชาย 6 ราย หญิง 1 ราย สาเหตุรถจักรยานยนต์โดน 6 ราย โดนรถยนต์ชนท้าย 1 ราย ส่วน 10 ข้อหาหลักถูกจับมากสุดไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถ รองลงไม่สวมหมวกนิรภัย ส่วนเมาแล้วขับมีไม่มาก 

นายไพรินทร์ ลิ่มเจริญ หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ สรุปการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ในช่วงวันหยุดยาว 5 วันช่วงเข้าพรรษา ตั้งแต่วันที่ 16 -19 กรกฎาคม 2559 เกิดอุบัติเหตุจำนวน 72 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 7 รายเป็นผู้ขับขี่ทั้งหมด มีผู้บาดเจ็บรวม 50 ราย ผู้มีความเสียหายจากทรัพย์จำนวน 139,800 บาท ส่วนผู้เสียชีวิต 7 รายเป็นชาย 6 ราย หญิง 1 ราย อายุ 20 - 41 ปี สาเหตุเกิดจากถูกรถเก๋งและกระบะเฉี่ยวชน และชนท้ายรถ ห้วงเวลาหลัง 00.00 น. 5 ราย มีช่วงเช้าและสาย เพียง 2 ราย เป็นคนในพื้นที่จำนวน 3 ราย นอกพื้นที่ 4 ราย เป็นบนถนนหลวงแผ่นดินทั้ง 7 ราย 
อย่างไรก็ตามการกวดขันตามมาตรการ 10 ข้อหลัก ทั้ง 3 วัน รถทั้งหมดถูกเรียกตรวจจำนวน 14,850 คัน เป็นรถจักรยานยนต์ กว่า 7 พันคัน ,รถกระบะ 3 พันกว่าคัน ,รถเก๋ง เกือบ 3 พันคัน ,รถโดยสารสาธารณะ 6 กว่าคัน มีผู้ถูกดำเนินคดีในข้อหาต่างรวมจำนวน 3,433 ราย เป็นข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถมากที่สุด 1,335 ราย ,รองลงมาไม่สวมหมวกนิรภัย 1,309 ราย ,ขับขี่เร็วเกินกำหนด 196 ราย และพบว่าเมาสุราขับรถจำนวน 73 ราย โดยเป็นการตั้งด่านบูรณาการจำนวน 29 จุด ทั้งนี้จังหวัดเชียงใหม่ยังใช้มาตรการเข้มงวดในการดูแลความอดภัยทางถนนเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุจากถนนสายหลักและสายรอง ในช่วงวันหยุดสุดท้ายพรุ่งนี้ที่คาดจะมีการเดินทางกลับมาของประชาชนโดยเฉพาะเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปทำงานต่อ ขณะนี้มีการตั้งด่านกวดขันวินัยด้านจราจรของเจ้าหน้าที่ในถนนสายหลักและสายรอง จนกว่าจะหมดช่วงวันหยุดยาวเข้าพรรษา

ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข่าว
ทีมข่าว ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน



ผู้ช่วยรมต.ท่องเที่ยวติดตามความพร้อมจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าภาพจัดแข่งอาเซียนสกูลเกมส์ครั้ง 8



 "ที่นี่....เชียงใหม่" ผู้ช่วยรมต.ท่องเที่ยวติดตามความพร้อมจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าภาพจัดแข่งอาเซียนสกลเกมส์ครั้ง 8 

วันที่ 18 กค.59 เวลา 10.00 น. โรงแรม กรีนเลค รีสอร์ท เชียงใหม่ รศ. ดร.ชวนี ทองโรจน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะได้มาเป็นประธานการประชุมติดตามความพร้อมการเป็นเจ้าภาพของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายปวิณ ชํานิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อเตรียมความพร้อมจัดการแข่งขันกีฬาอาเซียนสกูลเกมส์ ครั้งที่ 8 มีกรมพละศึกษาร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ จัดการแข่งขึ้นระหว่างวันที่21 -29 กรกฎาคม 2559 มี 11 ชนิดกีฬา อาทิกีฬา กอล์ฟ เซปักตะกร้อ เทนนิส เทเบิลเทนนิส บาสเกตบอล แบดมินตัน ยิมนาสติก ว่ายน้ำ วอลเลย์บอลและฟุตบอล โดยใช้สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เป็นสนามแข่งขันหลัก และใช้สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ เป็นสนามแข่งขัน 2  สำหรับการแข่งขันกอล์ฟ ใช้สนามกอล์ฟ อัลไพน์ เป็นสนามแข่งขัน ซึ่งการแข่งขันกีฬาอาเซียนสกูลเกมส์ ครั้งที่ 8 ครั้งนี้จะมีเจ้าหน้าที่และคณะนักกีฬาในชาติอาเซียนรวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบุคคลสำคัญของแต่ละชาติเข้าร่วม จำนวนรวมกว่า 1700 คน
ในการแข่งขันครั้งนี้ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อดูแลอำนวยความสะดวกในแต่ละฝ่ายไว้อย่างเรียบร้อย สนามการแข่งขัน ที่พักนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ อาหารรองรับของแต่ละชาติ และอาหารชาติอิสลาม ที่จัดเตรียมรองรับ  ตลอดจนการรถรับส่งนักกีฬา ในการอำนวยความสะดวกต่อการเดินทาง ที่สำคัญมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย ที่ต้องเพิ่มการดูแลเป็นพิเศษของบุคคลสำคัญที่เข้ามาร่วมการแข่งตั้งแต่เริ่มจนปิดการแข่ง พร้อมเสริมเจ้าหน้าที่ดูและเจ้าหน้าที่และคณะนักกีฬาตามสถานที่พัก เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อการดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้มีความพร้อมในทุกด้านแล้ว ของจังหวัดเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการผู้จัดการแข่งขันได้จัดทำเว็บไซต์  http://gms.dpe.go.th/asg/pages/index.php เพื่อเผยแพร่ตารางและเวลาการแข่งขันกีฬาทุกประเภท รวมทั้งรายงานผลการแข่งขันกีฬาด้วย

ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน






เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ บุกศาลากลางร้องศูนย์ดำรงธรรมค้านสำนักพุทธฯ(มีคลิป)



"ที่นี่....เชียงใหม่" เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ บุกศาลากลางร้องศูนย์ดำรงธรรมค้านสำนักพุทธฯก่อสร้างในพื้นที่ข่วงหลวงเวียงแก้วเหตุชุมชนเมืองไม่มีส่วนร่วมหวั่นภาพเมืองเสียหาย

วันที่11 ก.ค. 59 เวลา 11.00 น. เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ จำนวน 10 คน นำโดยนางเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง ได้เดินทางมาที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ อาคารอำนวยการศาลากลาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอรับฟังคำชี้แจงเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ที่อาจเกี่ยวเนื่องกับโครงการข่วงหลวงเวียงแก้ว และมีจุดประสงค์เพื่อขอให้ชะลอโครงการไว้ก่อน เนื่องจากการดำเนินการ ชุมชนและภาคประชาสังคมในจังหวัดเชียงใหม่ไม่ได้มีส่วนร่วม และอาจจะเกิดความเสียหายต่อรัฐ ชุมชนสังคมเมืองเชียงใหม่ ตลอดจนสังคมโดยรวม เครือข่ายฯ จึงขอความกรุณาให้ยุติการดำเนินการใดๆ ในที่ดินโฉนดเลขที่ ชม. 1613 และที่ดินแปลงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว (หากมี) จนกว่าจะเป็นที่ยุติว่า การดำเนินโครงการดังก ล่าวสามารถดำเนินการโดยเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน
ทั้งนี้นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ทราบเรื่องจึงได้มอบหมายให้นายดำรงศักดิ์ ชมมณฑา หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมฯ เป็นผู้แทนรับเรื่องดังกล่าว และได้เชิญตัวแทนเครือข่ายฯ และนางพรรณิภา หงส์ทอง นักวิชาการศาสนาชำนาญการ ผู้แทน สนง.พระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมประชุมเพื่อหาข้อยุติ ที่ห้องประชุมศูนย์ดำรงธรรมฯ ชั้น 1 โดยเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ โดยนางเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง ได้สอบถามในที่ประชุมว่า โครงการในพื้นที่ดังกล่าว เป็นของหน่วยงานใด และใช้งบประมาณของส่วนราชการใด ก่อสร้าง ซึ่งไม่ได้สอบถามความเห็นของประชาชนในพื้นที่ จึงขอให้ยุติโครงการฯ ไว้ก่อน แล้วให้ศูนย์ดำรงธรรมฯ มีหนังสือชี้แจง ภายใน 15 วันนางพรรณิกาฯ ในฐานะผู้แทน สนง.พระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ได้ชี้แจงว่า โครงการดังกล่าว เป็นของ สนง.พระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับมูลนิธิพระธาตุดอยสุเทพ ได้ขออนุญาตใช้พื้นที่จาก สนง.ธนารักษ์พื้นที่เชียงใหม่ อย่างถูกต้อง โดยจะก่อสร้างเป็นพุทธานุสรณ์เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระญามังรายมหาราช (หอคำเก็บประวัติของพระญามังราย) ใช้งบประมาณของมูลนิธิพระธาตุดอยสุเทพในการก่อสร้าง ทั้งนี้ นางพรรณิกาฯ จะนำข้อเรียกร้องของเครือข่ายฯ เสนอต่อ ผอ.สนง.พระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแก้ไขให้ประชาชนมีส่วนร่วม พร้อมทั้งจะมีหนังสือชี้แจ้งไปยังเครือข่ายฯ ภายหลังวันที่ 20 ก.ค.59 ต่อไป โดยเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ ได้รับทราบต่างพอใจและพร้อมจะติดตามเรื่องนี้อย่างไกล้ชิดเพื่อให้การพัฒนาข่วงหลวงเวียงแก้วเป็นสิ่งที่เชิดหน้าชูตาชุมชนสังคมเมืองเชียงใหม่ สืบต่อไป


ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่"สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน 






ชาวบ้านการ์เด้นแลนด์สันทรายเชียงใหม่ร้องการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(มีคลิป)




"ที่นี่....เชียงใหม่" ชาวบ้านการ์เด้นแลนด์สันทรายเชียงใหม่ร้องการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเข้าปรับปรุงระบบไม่แจ้งล่วงหน้าหวั่นเกิดอันตราย

วันที่ 11 กค.2559 เวลา 09.30 น. ชาวบ้านในโครงการเชียงใหม่การ์เด้นแลนด์ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ กว่า 20 คน ได้เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอสันทราย หลังจากที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้เข้าดำเนินการปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าแรงสูง โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า โดยจะทำการปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าเชียงใหม่ 2 - แม่แตง จากสถานีไฟฟ้าย่อยเชียงใหม่ 2 ไปยังสถานีไฟฟ้าย่อยแม่แตง จาก 115 กิโลโวลท์ ขยายเพิ่มเป็น 230 กิโลโวลต์ ซึ่งกำหนดเดินสายไฟฟ้าไว้ด้านละ 12 เมตร จากแนวศูนย์กลางของเสาสายส่งไฟฟ้าทั้ง 2 ด้าน รวมกว้าง 24 เมตร ตลอดระยะทางประมาณ 43 กิโลเมตร ทำให้ต้องสร้างเสาเหล็กมาชิดรั้วของบ้านพักอาศัยเพื่อนำสายไฟฟ้าแรงสูง 115 กิโลโวลท์ มาพักไว้ตรงเสาดังกล่าวจนกว่าจะสร้างเสาไฟฟ้าใหม่แล้วเสร็จ ทำให้ชาวบ้านเกิดความกังวล เรื่องผลกระทบของไฟฟ้าแรงสูงที่อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และความปลอดภัยในช่วงฤดูฝนเพราะอาจทำให้เกิดฟ้าผ่าได้ ซึ่งชาวบ้านเสนอให้ทางการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย ทำหนังสือสัญญาเช่าบ้านเป็นระยะเวลา 30 ปี ตามจำนวนเงินที่จะซื้อบ้านทั้งหมด และชาวบ้านที่จะได้รับผลกระทบจะย้ายออกจากพื้นที่ไป และจะโอนบ้านให้เมื่อได้รับการชำระเงินเสร็จเรียนร้อยแล้ว ล่าสุดได้ข้อสรุปว่าทางการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย จะนัดเข้าชี้แจงเรื่องการดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด รวมทั้งอธิบายถึงผลดีผลเสียของการตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงในครั้งนี้ด้วย ซึ่งหากยังมีผู้ร้องเรียนและคัดค้านการก่อสร้างครั้งนี้อยู่ จะไม่มีการดำเนินการก่อสร้างแต่อย่างใด และเรื่องนี้ได้มีนายทหารจากกองพันพัฒนาที่ 3 เข้ามาดูแลช่วยเหลือรับฟังปัญหาของชาวบ้านด้วย เหตุการณ์ทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อย


ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน








เชียงใหม่ซูอควาเรียม จัดเต็ม นำฝูงฉลามทายบอลยูโร 2016 ผล ไอซ์แลนด์ขึ้นแป้นได้เป็นแชมป์แน่


เชียงใหม่ซูอะควาเรียม นำฝูงปลาฉลาม ร่วมสนุกฟุตบอลยูโร ลุ้นหาทีมแชมป์บอลยูโรในปีนี้ โดยการนำอาหาร ไปผูกไว้ที่หน้าธงชาติของประเทศที่ผ่านรอบ 8 ทีม ให้เหล่าฝูงฉลามเลือกเสี่ยงทาย โดยมี นายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ประธานกรรมการเชียงใหม่ซูอะควาเรียม พร้อมนายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมรวมทั้งสื่อมวลชนจำนวนมาก

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1กรกฎาคม 2559  ภายในอุโมงค์ปลาใต้น้ำเค็ม เชียงใหม่ซูอะควาเรียม ได้นำธงชาติของแต่ละชาติที่เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ประกอบด้วย โปแลนด์,โปรตุเกส,เวลส์,เบลเยี่ยม,เยอรมัน,อิตาลี,ฝรั่งเศส,ไอซ์แลนด์ พร้อมติดเหยื่อไว้ที่ปลายธงแต่ละชาติในส่วนจัดแสดงตู้โชว์ปลาขนาดใหญ่เชื่อมต่ออุโมงค์ปลาใต้น้ำ จากนั้นก็ได้ปล่อยฝูงฉลามและปลาอีกหลายชนิดเพื่อให้ออกมาเสี่ยงทายว่ากลุ่มปลาฉลาม เข้าไปกินเหยื่อที่ธงของชาติใด เพื่อเป็นการทายผลประเทศนั้นน่าจะได้เป็นแชมป์บอลยูโรหลังจากนั้นนักประดาน้ำของซูอะควาเรียม ก็ได้ทำการต้อนปลาฉลามในบริเวณอุโมงค์ปลาน้ำเค็ม ให้มายังจุดส่วนจัดแสดงตู้ปลาขนาดใหญ่ ซึ่งฝูงปลาฉลามครีบดำ และฝูงปลาเล็ก ๆ ที่ติดตามปลาฉลาม ต่างพากันว่ายผ่านเหยื่อของประเทศอื่น ๆ และมาวนเวียนบริเวณ ธงชาติเยอรมัน แต่ก็ไม่ได้เข้าไปโฉบกินแต่อย่างใด จากนั้นปลาฉลามตัวหนึ่งก็ได้เข้าไปกัดกินเหยื่อของธงชาติ ไอซ์แลนด์  ซึ่งแน่นอนว่าปลาฉลามนั้นทายผลว่า ไอซ์แลนด์จะได้เป็นแชมป์ยูโร ครั้งนี้ 
ในการจัดกิจกรรมเสี่ยงทายของเชียงใหม่ซูอะควาเรียมในครั้งนี้นั้น นายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ประธานกรรมการซูอะควาเรียม สวนสัตว์เชียงใหม่ ได้เปิดเผยว่า การทำกิจกรรมครั้งนี้ ทางซูอะควาเรียมต้องการจัดทำให้เป็นสีสัน โดยในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทางเราได้ให้ปลาฉลามเสี่ยงทายเลือกประเทศที่จะได้เป็นแชมป์บอลยูโร เลย และในรอบ 4 ทีมสุดท้ายเราก็จะใช้ปลากระบนราหูของไทย เสี่ยงทายอีกครั้ง หนึ่ง ในอุโมงค์น้ำจืด ก็คอยลุ้นกันต่อไป
ภาพโดย : Pongmanat Tasiri
ข่าวโดย : Kamol Kuernin


ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน