<<<<<..... ลักษณะอากาศทั่วไป วันนี้ ( 20 มกราคม 2567 ) เวลา 06.00 น. วันนี้ถึง 06.00 น.ของวันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ....ตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาค อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่ อัปเดตนิวส์ รายงาน. แหล่งที่มาของข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา - https://www.tmd.go.th/thailand.php .....................................................>>>>

รองผู้ว่าเชียงใหม่ร่วมกับขนส่งฯ จัดเต็มลงพื้นที่ คุมเข้ม ตรวจสอบรถโดยสารปล่อยควันดำ



รองผู้ว่าเชียงใหม่ร่วมกับขนส่งฯ จัดเต็มลงพื้นที่ คุมเข้ม ตรวจสอบรถโดยสารปล่อยควันดำ กำชับให้ใช้ทุกมาตรการในการแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน

วันที่ 19 พ.ย. 62 นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นางวราภรณ์ วรพงศธร ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่สุ่มตรวจสภาพรถโดยสารสาธารณะ คิวรถขึ้นดอยสุเทพ-ปุย เพื่อตรวจสอบรถโดยสารปล่อยควันดำและควันเสีย เพื่อช่วยลดปัญหาฝุ่นควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน

นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากสื่อมวลชนว่า
มีรถโดยสารสาธารณะขับขึ้นดอยสุเทพบางคันมีควันดำเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งการขับขี่ยานพาหนะในทางเรียบ อาจไม่จำเป็นต้องเร่งเครื่องมาก แต่รถที่ขึ้นบนเขา บนดอย อาจต้องมีการเร่งความเร็วมากกว่าปกติ ในการเร่งอาจส่งผลกระทบในเรื่องของควันที่ออกมามากกว่าปกติ ทั้งนี้ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วง High season ของจังหวัดเชียงใหม่ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่จำนวนมาก ซึ่งทางจังหวัดจะไม่อนุญาตให้นำรถบัสขนาดใหญ่ขึ้นไปบนดอย เนื่องจากมีการจราจรที่หนาแน่น และเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย ดังนั้นรถบริการสาธารณะจึงเป็นทางเลือกของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีความชำนาญทาง สามารถนำนักท่องเที่ยวขึ้นไปได้อย่างปลอดภัย ซึ่งในส่วนนี้สำนักงานขนส่งจังหวัดฯ ได้ดูแลในเรื่องของระบบห้ามล้อ และค่าควันดำเกินมาตรฐาน เนื่องจากเส้นทางขึ้นดอยสุเทพเป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวใช้เป็นประจำ รวมไปถึงเป็นเส้นทางที่ใช้ออกกำลังกาย ปั่นจักรยานในเส้นทางนี้อยู่ตลอด ซึ่งหากมีควันดำเกินค่ามาตรฐาน อาจทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่เสียหาย รวมไปถึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของผู้ที่ออกกำลังกายด้วย ซึ่งทางจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น และมีการดำเนินการตามมาตรการของจังหวัด และของสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง

ด้าน นางวราภรณ์ วรพงศธร ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า มาตรการตรวจเข้มของสภาพรถ ปกติจะมีการเรียกตรวจรถโดยสารสาธารณะที่สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ปีละ 2 ครั้ง แต่เนื่องจากในช่วงที่เกิดมลภาวะทางอากาศ หรือปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สำนักงานขนส่งฯ จึงได้มีมาตรการร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ สุ่มตรวจสอบเข้มข้นตามจุดต่างๆ ที่เป็นคิวรถโดยสารสาธารณะ โดยเฉพาะจุดขึ้นดอยสุเทพ ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวใช้บริการจำนวนมาก และเป็นทางเขาลาดชัน จะส่งผลให้ใช้การเร่งความเร็วมากกว่าปกติ เป็นสาเหตุทำให้เกิดควันดำมากขึ้น ซึ่งหากพบจะมีการตักเตือนเจ้าของรถให้ปรับปรุงตรวจสภาพรถให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นมาตรการที่ทำร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ ในการดำเนินการตามมาตรการลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และการตรวจวัดค่าควันดำของรถโดยสารสาธารณะให้อยู่ในระดับค่าเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศและเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถโดยสารสาธารณะ 

ทั้งนี้ จากการสุ่มตรวจรถโดยสาร พบรถยนต์ที่มีควันดำเกินเกณฑ์มาตรฐาน จึงได้ต้องขอความร่วมมือเจ้าของยานพาหนะ ในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพปกติ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่

สุดาภรณ์ อินต๊ะธรรม /นันธิกา กิจปาโล /วิชญ์พล สุวรรณไพโรจน์ // ภาพ-ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่
กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน








โครงการรับยาที่ร้านยา ลดความแออัดในโรงพยาบาล สร้างทางเลือกในการรับยาให้กับผู้ป่วย



โครงการรับยาที่ร้านยา ของกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นนโยบายลดความแออัดในโรงพยาบาล สร้างทางเลือกในการรับยาหลังพบแพทย์ให้กับผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่สมัครใจ ไม่ต้องรอคิวรับยา โดยแพทย์ต้องให้ความเห็นว่าผู้ป่วยมีอาการคงที่ สามารถร่วมโครงการรับยาที่ร้านยาได้ ซึ่งร้านยาที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นร้านยาแผนปัจจุบัน ข.ย.1 ที่มีเภสัชกรประจำร้าน และมีป้ายสัญลักษณ์ “ร้านยาชุมชนอบอุ่น” ที่หน้าร้าน 

ผู้ป่วยที่สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ ต้องเป็นบุคคลที่ใช้สิทธิ์บัตรทอง ป่วยด้วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด หรือโรคทางจิตเวช และแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าผู้ป่วยสามารถรับยาที่ร้านยาได้ และผู้ป่วยสมัครใจไปรับยาที่ร้านยา ซึ่งยาที่ผู้ป่วยได้รับจากร้านยา จะเป็นยาที่จัดส่งมาจากโรงพยาบาล เป็นยารายการเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน และสิ่งสำคัญของโครงการ คือการเชื่อมต่อข้อมูลของผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลและร้านยา ที่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยในการส่งข้อมูล โดยโรงพยาบาลจะจัดส่งเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นของผู้ป่วยให้กับร้านยา เพื่อให้จ่ายยาและให้คำแนะนำกับผู้ป่วยได้ ซึ่งจะมีการประเมินสุขภาพและความพึงพอใจหลังดำเนินโครงการ เพื่อปรับปรุงด้านบริการของโรงพยาบาล เช่น มีเวลาดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะโรคซับซ้อนมากขึ้น การควบคุมคุณภาพยาในหอผู้ป่วย เป็นต้น  

ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ เภสัชกรหญิง พัชราวัลย์ มีศิลป์ เภสัชกรประจำศูนย์ยาสี่แยกข่วงสิงห์ เปิดเผยว่า ศูนย์ยาสี่แยกข่วงสิงห์ได้เข้าร่วมโครงการรับยาที่ร้านยา กับโรงพยาบาลสวนปรุง และโรงพยาบาลนครพิงค์ ซึ่งผู้ป่วยของโรงพยาบาลสวนปรุง เป็นผู้ป่วยจิตเวช อาทิ โรคอารมณ์ 2 ขั้ว โรคซึมเศร้า โรคนอนไม่หลับ และผู้ป่วยของโรงพยาบาลนครพิงค์ จะเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคเบาหวาน โรคไขมัน ความดัน ขณะนี้มีผู้ป่วยที่เข้าร่วมโครงการของโรงพยาบาลสวนปรุง  10 กว่าราย ได้รับยาไปแล้ว และกำลังรอรับยาต่อเนื่องอีกประมาณ 10 กว่าราย ส่วนโรงพยาบาลนครพิงค์ กำลังเริ่มดำเนินการและมีผู้ป่วยเข้าร่วมโครงการแล้ว 

นอกจากนี้ เภสัชกรหญิง พัชราวัลย์ มีศิลป์ ในฐานะนักวิจัยเกี่ยวกับรหัสยา และระบบเชื่อมต่อโรงพยาบาลกับร้านขายยา ยังได้ร่วมกับอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดทำ E-leaning และส่งเนื้อหาให้เภสัชกรร้านขายยาที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้เรียนรู้และทำข้อสอบ เมื่อทำข้อสอบผ่าน จะได้ใบรับรอง และนำใบรับรองมายื่นขอเข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งร้านยาที่เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นร้านยาที่ผ่านเกณฑ์ GDP ซึ่งเป็นมาตรฐานของร้านยา และจะต้องมีเภสัชกรประจำร้านยา 8 ชั่วโมง

นันธิกา กิจปาโล/จุฑารัตน์ น้ำพ่วง/วิชญ์พล สุวรรณไพโรจน์  ข่าว-ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่
กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน





กองทัพภาคที่ 3 ขับเคลื่อนการป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควันร่วมกับวิทยากรจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.จังหวัดเชียงใหม่



กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ขับเคลื่อนการป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควันร่วมกับวิทยากรจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 18 พ.ย.62 เวลา 10.00 น. พล.ต.อำนาจ ศรีมาก รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย นายสิรภพ สระแก้ว ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. เข้าหารือ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางการป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควันร่วมกับวิทยากรจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.จังหวัดเชียงใหม่

รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการใหญ่ จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. ได้มีนโยบายในการนำประชาชนจิตอาสาในชุมชน ร่วมทำงานกับวิทยากรจิตอาสา พระราชทาน 904 วปร.ระดับจังหวัด ในการช่วยเหลือประชาชนเรื่องภัยพิบัติ ซึ่งทุกจังหวัดมีวิทยากรจิตอาสาอยู่แล้ว เพื่อให้จิตอาสาเข้ามาร่วมทำงานในชุมชนของตนเอง โดยเฉพาะจิตอาสาหมู่บ้านดับไฟ ทั้งนี้กองทัพภาคที่ 3 มีแผนที่จะนำเสนอโครงการในการจัดกิจกรรม อบรมประชาชนในเรื่องมาตการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่ทั้ง 9 จังหวัด จังหวัดละ 2 พื้นที่ โด เน้นพื้นที่เสี่ยงของแต่ละจังหวัดเพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกัน

ซึ่งการป้องกันไฟป่าและหมอกควันนั้นจะต้องเริ่มจากการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนเป็นสำคัญ โดยทางกองทัพภาคที่ 3 จะเป็นศูนย์ระดับภาคฯ ในการประสานงานกับจังหวัด ซึ่งการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในปีนี้ จังหวัดเป็นหน่วยงานสำคัญที่จะบูรณาการแผนงานทั้งหมด โดยกองทัพจะเป็นหน่วยขับเคลื่อนให้จังหวัดเป็น CEO ที่มีประสิทธิภาพ

กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน




กองทัพภาคที่ 3 ปรับแผนการบินของอากาศยาน AU– 23 Peacemaker ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคเหนือ



กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับหน่วยการบินมวลชนสัมพันธ์ กองทัพอากาศจัดทำแผนการบินประจำสัปดาห์ที่ 3 - 4 ของอากาศยาน au - 23 peacemaker ห้วงวันที่ 20 – 29 พ.ย.62 ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคเหนือ

วันที่ 14 พ.ย.62 เวลา 09.30. พ.อ.วิศิษฐ์ บรรณากิจ หัวหน้าส่วนปฏิบัติการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับหน่วยการบินมวลชนสัมพันธ์ กองทัพอากาศจัดทำแผนการบินประจำสัปดาห์ที่ 3 - 4 ของอากาศยาน au - 23 peacemaker ในการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนในพื้นที่ ลดปัญหาการเผาป่าเพื่อป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ
หัวหน้าส่วนปฏิบัติการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า แผนการบินประจำสัปดาห์ที่ 3 - 4 ของอากาศยาน au - 23 peacemaker ในการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจในพื้นที่เพื่อลดการเผาครั้งนี้ จะปฏิบัติการบินห้วงวันที่ 20 – 29 พ.ย.62 ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคเหนือ ประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ น่าน แพร่ ลำพูน ตาก พะเยา และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งที่ผ่านมาการบินของหน่วยการบินมวลชนสัมพันธ์สามารถประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ในกรณที่ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจการบินในพื้นที่นั้นๆตามช่วงเวลาที่ได้วางแผนไว้ เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอิ้ออำนวย กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 จะพิจารณาเลื่อนการปฏิบัติในสัปดาห์ต่อไป ซึ่งการขึ้นบินทุกครั้งจะประเมินถึงความปลอดภัยในการบินเป็นหลัก
กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน






จังหวัดเชียงใหม่ ระดมพลังร่วมกันกำจัดขยะมูลฝอยสิ่งปฏิกูลจากงานลอยกระทงในลำน้ำปิง



จังหวัดเชียงใหม่ ระดมพลังประชาชน นักเรียน นักศึกษา และจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. ร่วมกันกำจัดขยะมูลฝอยสิ่งปฏิกูลจากงานลอยกระทงในลำน้ำปิง ซึ่งปีนี้พบซากกระทงน้อยกว่าปีที่ผ่านมา

วันนี้ (14 พ.ย.62) ที่ ประตูระบายน้ำในลำน้ำปิง หมู่ที่ 3 ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดกิจกรรมการกำจัดขยะมูลฝอยสิ่งปฏิกูลจากงานลอยกระทงในลำน้ำปิง โครงการ “จิตอาสา ประชารัฐ กำจัดขยะจากกระทง” โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานต่างๆ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนในพื้นที่ และจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. กว่า 300 คน เข้าร่วมกิจกรรม
ตามที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการจัดประเพณียี่เป็งขึ้นระหว่างวันที่ 9 -12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เมื่อสิ้นสุดลงแล้วจะมีเศษซากกระทง และเศษวัสดุอื่นๆ ไหลมาตามลำน้ำปิงเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสะอาดและสวยงามในลำน้ำปิง และกำจัดสิ่งกีดขวางในทางน้ำทำให้ลำน้ำปิงไหลโดยสะดวกและไม่เกิดการเน่าเสีย ตลอดจนเป็นการรักษาระบบนิเวศของทางน้ำให้เป็นผลดีต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จึงได้จัดกิจกรรมกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลจากงานลอยกระทงในลำน้ำปิงขึ้นในวันนี้
ในส่วนของเศษซากกระทงในปีนี้ มีจำนวนประมาณ 40-50 ตัน ซึ่งลดลงจากปีที่แล้วที่มีกว่า 70 ตัน พบว่าวัสดุที่ใช้ทำกระทงส่วนใหญ่เป็นวัสดุจากธรรมชาติร้อยละ 95 ที่เหลือเป็นเศษวัสดุประเภทโฟม และอื่นๆ คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการกำจัดเศษซากกระทงและขยะมูลฝอยอื่น ประมาณ 2 วัน
กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน






มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ คว้ารางวัลชนะเลิศ ถ้วยพระราชทาน กระทงใหญ่ ประจำปี 2562




 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ คว้ารางวัลชนะเลิศ ถ้วยพระราชทาน กระทงใหญ่ ประจำปี 2562 โดยได้รับความสนใจจากประชาชนชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวร่วมชมความสวยงามของขบวนแห่กระทงใหญ่กันอย่างคับคั่ง

ค่ำวานนี้ (12 พ.ย.62) นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมชมการประกวดขบวนแห่กระทงใหญ่ ที่บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “แอ่วยี่เป็งเจียงใหม่ ฮ่วมใจ๋ฮักษาฮีตฮอยล้านนา ปลอดประทัดยักษ์ และไร้แอลกอฮอล์” ซึ่งมีทั้งสิ้น 21 ขบวน พร้อมทั้งมอบเกียรติบัตรและรางวัลการประกวดชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 


สำหรับผลการประกวดกระทงใหญ่ ประจำปี 2562 มีดังนี้
    รางวัลชนะเลิศกระทงยอดเยี่ยม ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ 
    รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
    รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
    รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา

    ทั้งนี้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้ความสนใจร่วมชมความสวยงามของขบวนแห่ตลอดสองข้างทาง ตั้งแต่ข่วงประตูท่าแพจนถึงสำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่กันอย่างคับคั่ง นอกจากนี้ยังมีการแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติฯ บริเวณลำน้ำปิง หน้าสำนักงานเทศบาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและสืบทอดประเพณีอันดีงามของชาวล้านนาอีกด้วย 
สุดาภรณ์ อินต๊ะธรรม // ภาพ-ข่าว สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ 
ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" Fast News >>> สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน


















สรุปเที่ยวบินเปลี่ยนแปลง-ยกเลิกในช่วงเทศกาลยี่เป็ง ประจำปี 2562



 ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวปล่อยโคมลอย/โคมควัน ในช่วงเทศกาลลอยกระทงตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2562 อย่างเคร่งครัด ขณะที่สายการบินยกเลิกและเปลี่ยนแปลงเวลาทำการบินหลังเวลา 18.00 น.จำนวนทั้งสิ้น 151 เที่ยวบิน ลดความเสี่ยงอันตรายที่อาจเกิดกับอากาศยาน 

 เรืออากาศโท ธนันท์รัฐ ประเสริฐศรี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลยี่เป็ง ระหว่างวันที่ 10-12 พฤศจิกายน 2562 (ข้อมูล ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2562) มีเที่ยวบินที่ยกเลิกและเปลี่ยนแปลงเวลาการบิน รวมทั้งสิ้น 151 เที่ยวบิน คิดเป็นร้อยละ 22.63 ของเที่ยวบินที่ทำการบินทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 
 1.เที่ยวบินที่ยกเลิก จำนวน 96 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินในประเทศ 66 เที่ยวบิน และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 30 เที่ยวบิน 
 2. เที่ยวบินที่เปลี่ยนแปลงเวลาทำการบินจำนวนทั้งสิ้น 55 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินภายในประเทศ 41 เที่ยวบิน และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 14 เที่ยวบิน 
 ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงและยกเลิกเที่ยวบินดังกล่าว คาดว่าน่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน เนื่องจากสายการบินได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวทราบล่วงหน้า เพื่อวางแผนการเดินทางที่เหมาะสมแล้ว พร้อมกันนี้ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้เข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัย เพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการรักษาความปลอดภัย อาทิ เพิ่มวงรอบการตรวจการณ์ ทั้งภายในอาคารผู้โดยสาร และบริเวณพื้นที่รอบท่าอากาศยาน ตั้งจุดสุ่มตรวจยานพาหนะ ที่ผ่านเข้ามาในพื้นที่ท่าอากาศยานเป็นระยะ สุ่มตรวจสัมภาระและผู้โดยสารตามมาตรฐานที่กำหนด    สุ่มตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ของพนักงานที่ปฏิบัติงานในเขตการบิน รวมทั้งห้ามจอดยานพาหนะบริเวณชานชาลาหน้าอาคารผู้โดยสารอย่างเด็ดขาด เพื่อดูแลความปลอดภัยและป้องปรามกลุ่มผิดกฎหมายที่อาจฉวยโอกาสกระทำการในช่วงผู้โดยสารคับคั่ง พร้อมกันนี้ขอให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาในการเดินทางมายังท่าอากาศยานมากกว่าปกติ เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว จะมีผู้โดยสารคับคั่งแออัดตลอดทั้งวัน                
 สำหรับการรณรงค์เรื่องการปล่อยโคมลอยให้ปลอดภัย ก่อนหน้านี้ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานราชการและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วัด สถานศึกษาและชุมชนที่อยู่ในเขตความปลอดภัยในการเดินอากาศ ประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนให้รับทราบถึงแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทง โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2562 มาตรา 33 อย่างเคร่งครัด คือห้ามมิให้บุคคลใดจุดและปล่อยหรือกระทำการใด เพื่อให้บั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควันหรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศ ซึ่งเป็นการรบกวนหรือก่อให้เกิดอันตรายต่อการเดินอากาศหรือการปฏิบัติการของอากาศยาน อย่างไรก็ตามหากการกระทำดังกล่าวอยู่นอกเขตปลอดภัยการเดินอากาศขอให้ปฏิบัติตามประกาศ        

จังหวัดเชียงใหม่ ในเรื่องมาตรการป้องกันและการรักษาความปลอดภัยและการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนในการจุดและปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม) หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นสู่อากาศ พ.ศ.2559 ต่อไปนอกจากนี้ยังได้ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน และช่องทาง Social Media และเปิดช่องทางให้สอบถามและตรวจสอบพื้นที่ปล่อยโคมลอยจังหวัดเชียงใหม่ ผ่าน Application Line ซึ่งมีผู้สอบเข้ามาจำนวนมาก ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มรอบความถี่ในการตรวจทางวิ่งทางขับจากเดิมวันละ 4 ครั้ง เป็น 10 ครั้ง เพื่อตรวจเก็บซากโคมที่อาจถูกกระแสลมพัดมาตกในพื้นที่เขตการบิน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังการเก็บโคมลอยและโคมควัน โดยพร้อมออกไปเก็บซากโคมลอยได้ทันที หากได้รับแจ้งจากหอบังคับการบินหรือจากนักบิน       
 ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสืบสานประเพณีลอยกระทง โดยได้ประดับโคมไฟและโคมแขวนภายในอาคารผู้โดยสาร ซึ่งเป็นรูปแบบกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์เฉพาะตามวิธีพุทธและประเพณีเดือนยี่เป็ง เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวในฐานะประตูสู่วัฒนธรรมล้านนา (Gateway to Lanna Heritage)      
              ******************************* 
ท่าอากาศยานเชียงใหม่  
Facebook// Chiang Mai International Airport-CNX 
โทรศัพท์ 0 5392 2000   
โทรสาร  0 5392 2020





ทัพภาค 3 ผู้ว่าฯ 9 ภาคเหนือ ทุกหน่วยงาน ภาคประชาชน พร้อมสู้หมอกควันไฟป่าภาคเหนือ 63 คาดปัญหาลดลง มั่นใจดีขึ้น



 แม่ทัพภาคที่ 3 ผู้ว่าฯ 9 จังหวัดภาคเหนือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน แถลงแผนการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ ปี 63 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อการบูรณาการการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

วันที่ 22 ต.ค.62 เวลา 09.00 พล.ท.ฉลองชัย   ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3  เป็นประธานการประชุมแถลงแผนงานบูรณาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันของจังหวัด ประจำปี 2563 โดยมีนายเจริญฤทธิ์   สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตภาคเหนือพร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ทุกภาคส่วนใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติ การบูรณาการการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นการลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างยั่งยืน 
ทั้งนี้กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดตั้งกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ขึ้นที่ค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่ออำนวยการ ประสานงานและบูรณาการความร่วมมือ รวมถึงการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ และสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน  เนื่องจากรัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการเกิดปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งอยู่ในความสนใจของประชาชน อันส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่
    สำหรับแผนงานบูรณาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันครั้งนี้ให้ความสำคัญกับ ผู้บังคับหน่วยทหาร ซึ่งจะมีหน้าที่ ในการบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ สร้างเครือข่ายภาคประชาชน ในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนการเกิดไฟป่า โดยร่วมขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในพื้นที่เสี่ยง ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสังคม และประชาชนจิตอาสา ตลอดจนจัดชุดแพทย์เตรียมการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ พร้อมจัดกำลังชุดรณรงค์ฯ และชุดดับไฟป่า เตรียมความพร้อมสนับสนุนทันทีเมื่อมีการร้องขอจากจังหวัด  นอกจากนี้
รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร)  เป็นผู้ประสานงานหลักกับจังหวัดเพื่อให้การทำงานครอบคลุมทุกพื้นที่
ทั้งนี้ปัจจุบันกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ได้รับการสนับสนุนเครื่องบิน Peacemaker จำนวน 2 ลำ จากกองทัพอากาศ เพื่อการประชาสัมพันธ์โดยสามารถเริ่มปฏิบัติภารกิจตั้งแต่ 1 พ.ย. 62 เป็นต้นไป และร่วมกับสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงใหม่ จัดทำสื่อกระจายเสียงเป็นภาษาไทยและ ภาษาชนเผ่า จำนวน    7 ภาษา เพื่อประชาสัมพันธ์ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่และสถานีวิทยุในเครือกองทัพบก 24 สถานี 17 จังหวัดภาคเหนือ ตลอดจนการจัดอากาศยาน จากกองทัพภาคที่ 3 เพื่อลาดตระเวนทางอากาศ รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดชุดจิตอาสาดับไฟป่าประจำหมู่บ้าน สำหรับเตรียมความพร้อมในการป้องกันและควบคุมไฟป่า
กมล เครือนิล ทีมข่าว ที่นี่....เชียงใหม่ Fast News สำนักข่าวเชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน







จังหวัดเชียงใหม่ เปิดงานนิทรรศการผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ



จังหวัดเชียงใหม่ เปิดงานแสดงนิทรรศการผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กิจกรรมและโครงการเด่น ในรูปแบบนิทรรศการมีชีวิต สัมผัสกับนวัตกรรม และผลผลิตจากโครงการ ต่อยอดการเป็นต้นแบบ


นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการจัดแสดงนิทรรศการผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กิจกรรม และโครงการเด่น (Best Practice) ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยในปีนี่จัดขึ้นภายในงาน New North Expo 2019 Food& Lifestyle ที่เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต การจัดแสดงนิทรรศการในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ที่มีการหมุนเวียนนำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและโครงการที่น้อมนำแนวพระราชดำริมาขยายผลการดำเนินงานในพื้นที่ มาจัดแสดงผลการดำเนินงาน โดยในปีนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการจัดแสดงผลการดำเนินงาน จำนวน 8 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเกษตรวิชญาโครงการในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร, โครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา, โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ, โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยแบบบูรณาการในพื้นที่โครงการหลวงตำบลเทพเสด็จอำเภอดอยสะเก็ดจังหวัดเชียงใหม่, โครงการปรับปรุงถนนวงแหวนเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ เชื่อมต่อ 4 ตำบลของอำเภออมก๋อย, โครงการม่อนล้านโมเดล
สำหรับงานแสดงและจำหน่ายสินค้า New North Expo 2019 Food & Lifestyle จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 สิงหาคม 2562 ที่ ศูนย์ประชุมเชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า เชียงใหม่ แอร์พอร์ต โดยมีผู้ประกอบการจาก 4 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน และลำปาง นำสินค้าประเภทเกษตรแปรรูป อาหารแปรรูป ของฝากของที่ระลึกจากวัสดุ นวัตกรรมใหม่ๆ เข้าร่วมออกบูธจำหน่ายกว่า 250 ราย โดยเป็นผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ส่งเสริมและเตรียมความพร้อมด้านศักยภาพทางการตลาดจากโครงการของศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 รวมทั้งบูธแสดงสินค้าของหน่วยงานต่างๆ มาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัส เรียนรู้ ลองทำ Workshop รวมถึงจับจ่ายผลิตภัณฑ์จากผ้าภาคเหนือและการเสวนาในหัวข้อเกี่ยวกับผ้า

ทั้งนี้ เชิญชวนร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และร่วมชื่นชมพระบารมีผ่านนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้ ในระหว่างวันที่ 23 - 25 สิงหาคม 2562 เวลา 10.00 - 21.00 ที่เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่