<<<<<..... ลักษณะอากาศทั่วไป วันนี้ ( 20 มกราคม 2567 ) เวลา 06.00 น. วันนี้ถึง 06.00 น.ของวันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ....ตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาค อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่ อัปเดตนิวส์ รายงาน. แหล่งที่มาของข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา - https://www.tmd.go.th/thailand.php .....................................................>>>>

ผู้ว่าฯเชียงใหม่ เข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่ที่ประสบอุบัติเหตุขณะลาดตระเวนดับไฟป่า



ผู้ว่าฯเชียงใหม่ เข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่ที่ประสบอุบัติเหตุขณะลาดตระเวนดับไฟป่า พร้อมให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างสุดกำลังเพื่อชาวเชียงใหม่

บ่ายวันนี้ (31 มี.ค.61) นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนางมลสุดา ชำนิประศาสน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้ามาเยี่ยมและมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโถค และเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นขวัญเเละกำลังใจให้กับนายธีรเดช ศรีมะลิ เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนไฟป่า สถานีควบคุมไฟป่าดอยอินนนท์ ที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวน สาเหตุจากมอไซด์เสียหลักล้ม โดยมีบาดแผลบริเวณกราม เนื่องจากกระแทกแฮนด์รถ และหัวแตก ขณะนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ
โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ ได้ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งรู้สึกเป็นห่วงผู้ปฏิบัติงานดับไฟป่าในพื้นที่ห่างไกล พร้อมให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ ทั้งภาครัฐและภาคประชาชนทุกคนที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ และทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างสุดกำลัง ในการพยายามที่จะระงับไฟป่าไม่ให้ลุกลามมากขึ้น
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ ขอเชิญชวนจิตอาสาชาวเชียงใหม่ ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพร้อมใจ บรรเทาภัยหมอกควัน โครงการจิตอาสาตามแนวพระราชดำริ "เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ" ในวันพรุ่งนี้ (1 เมษายน 2561) เวลา 09.00 น. ณ ข่วงประตูท่าแพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยจะมีทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมทำความสะอาดถนนสายหลัก พร้อมฉีดพ่นน้ำทั่วเมืองเชียงใหม่ (ระดมรถน้ำจากทุกหน่วยงาน/อปท.) เพื่อร่วมใจกันเพิ่มความชุ่มชื้นและลดหมอกควันในอากาศ รวมทั้งออกลาดตระเวน เข้าดับไฟ และทำแนวกันไฟ ตลอดทั้ง 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 - 5 เมษายนนี้ (25 อำเภอ/ทุก อปท.ในเชียงใหม่) นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมแจกหน้ากากอนามัย สร้างความรู้ความเข้าใจ และแนะนำการดูแลสุขภาพช่วงสภาวะหมอกควันอีกด้วย











ผู้ว่าฯเชียงใหม่ให้ป้องกันจังหวัดแจ้งความเอาผิด พ.ร.บ. คอมพ์กรณีภาพสามกษัตริย์ ไม่เหมาะสม



ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ มอบอำนาจให้ป้องกันจังหวัด นำหลักฐานเข้าแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีมีผู้เผยแพร่ภาพวาดสามกษัตริย์ผู้สร้างเมืองเชียงใหม่ สวมใส่หน้ากากอนามัย ชี้เป็นการลบหลู่ ไม่เคารพ และกระทบต่อจิตใจคนเชียงใหม่

วันนี้ (30 มี.ค.61) 13.30 น. ที่ สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายศิริพงษ์ นำภา ป้องกันจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับมอบอำนาจ จากนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้นำหลักฐานเข้าดำเนินการกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กรณีที่ปรากฏภาพในสื่อโซเชียล ใช้ชื่อว่า “City Life Chiang Mai” ได้เผยแพร่ภาพ เกี่ยวกับ อดีตพระมหากษัตริย์ไทยสามพระองค์ผู้สร้างเมืองเชียงใหม่ โดยมีหน้ากากสวมปิดพระพักตร์ทั้งสามพระองค์ และมีข้อความเป็นภาษาไทยว่า “มาร่วมกันเอาอากาศของเราคืนมา" และข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่า “Powerful painting by student at Prem,Piyapan Thiamthakorn,who pained this as part of grade 12 IB Diploma” ลงในเฟซบุ๊ค
โดยการเข้าแจ้งความกล่าวโทษในครั้งนี้ เนื่องจากพิจารณาเห็นแล้วว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากอดีตพระมหากษัตริย์ทั้งสามพระองค์ เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนชาวเชียงใหม่ และทรงเป็นผู้ร่วมกันก่อตั้งเมืองเชียงใหม่จนถึงทุกวันนี้ การนำภาพที่มีหน้ากาก สวมปิดพระพักตร์ ทั้งสามพระองค์ จึงเป็นการกระทำที่ลบหลู่ ไม่เคารพ และส่งผลกระทบต่อจิตใจ ของประชาชนชาวเชียงใหม่เป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และเกิดความไม่มั่นคงในเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ 
ทั้งนี้ อาจเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ. ศ. 2550 และจากข้อความ “Powerful painting by student at Prem, Piyapan Thiamthakorn, who pained this as part of grade 12 IB Diploma” จึงสันนิฐานว่า ภาพวาด ดังกล่าวเป็นฝีมือของ Piyapan Thiamthakorn การที่ผู้ใช้นามว่า City Life Chiang Mai ได้เผยแพร่ภาพ ซึ่งไม่ใช่ภาพของตน จึงอาจเป็นความผิดมาตรา 16 แห่งกฎหมายฉบับเดียวกันได้ โดยพนักงานสอบสวนรับเรื่องไว้ก่อน ซึ่งจะเรียกคู่กรณีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำ พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป







แม่ทัพภาคที่ 3 ติดตามผลการแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่า 9 จังหวัดภาคเหนือ



แม่ทัพภาคที่ 3 ติดตามผลการแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่า 9 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมกำชับให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยประกาศปิดป่าแบบมีเงื่อนไข ตั้งแต่ 25 – 31 มี.ค.นี้ ต้องขออนุญาตเข้าไปหาของป่า และห้ามพกพาสิ่งที่ทำให้เกิดไฟ ขณะที่ ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ วอนผู้เผา “ไม้ขีดก้านเดียว” จะส่งผลร้ายต่อคนเชียงใหม่ทั้งหมด  

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2561 ที่ ค่ายพระปิ่นเกล้า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ระดับภาค ประชุมรับฟังผลการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือ ประจำปีงบประมาณ 2561 โดยมี แม่ทัพน้อยที่ 3 , ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 , ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ , ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย , ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา , ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ , รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน , รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง , รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และปลัดจังหวัดตาก พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม เพื่อรับทราบแนวทางการดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
จากการตรวจพบจุดความร้อนสะสม หรือ Hotspot ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ในปีงบประมาณ 2561 ตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 ถึงปัจจุบัน  พบว่า ภาคเหนือมีค่าฝุ่นละออง PM10 และค่าคุณภาพอากาศเกินมาตรฐานไปแล้ว (ไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ , จังหวัดลำพูน , จังหวัดลำปาง , จังหวัดแพร่ และจังหวัดตาก ซึ่งห้วงเดือนมีนาคมปีนี้ (นับถึง 22 มี.ค.61) ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ เกิดจุด Hotspots จำนวน 2,378 จุด คิดเป็น 31.64 % จากสถิติเดือนมีนาคมของปีที่ผ่านมา ตรวจพบจุด Hotspots ทั้งสิ้น 3,257 จุด ซึ่งคาดว่าการเกิด Hotspots จะลดลงจากปี 2560 ประมาณ 35 – 40%

ด้าน พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ระดับภาค กล่าวว่า ในปีนี้ต้องขอชื่นชมทั้ง 9 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือที่คุณภาพอากาศ PM 10 ที่เกินค่ามาตรฐานน้อยกว่าปี 2560 ทุกจังหวัด แต่ก็ยังมีบางวันที่เกินอยู่บ้างนิดหน่อย ไม่สูงเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งจากการประชุมหารือ พบว่าแต่ละจังหวัดจะมีปัจจัยการเกิดฝุ่นละอองแตกต่างกัน ทั้งการก่อสร้างต่างๆจำนวนมาก เช่น อาคาร ถนน สนามบิน สาธารณูปโภค หรือ สภาพภูมิประเทศของบางจังหวัดที่เป็นแอ่งกระทะ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีการเผาจากภาคประชาชนที่ยังเข้าใจว่าต้องเผาแล้วเห็ดจะขึ้น ดังนั้นจึงขอใช้อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ปิดป่าแบบมีเงื่อนไขเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 – 31 มีนาคมนี้ หากประชาชนท่านใดมีความประสงค์จะเข้าป่า ต้องไปแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ต้นน้ำ หรือเจ้าหน้าที่กรมอุทยานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อขออนุญาตเข้าไปหาของป่า แต่ห้ามพกพาวัสดุที่จะทำให้เกิดไฟเข้าไปอย่างเด็ดขาด ส่วนประกาศของทั้ง 9 จังหวัด ก็ยังคงมีการปฏิบัติในช่วงเวลาห้ามเผาตามเดิม

นอกจากนี้ ได้ขอให้ทุกจังหวัดเรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนจิตอาสาและพลังมวลชนในพื้นที่ เข้ามามีส่วนร่วมในการทำการลาดตระเวน เฝ้าระวัง และกำจัดเศษวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงริมทาง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า หากมีผู้ตั้งใจกระทำการเผาป่า จะให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เพราะเราถือว่าได้ประชาสัมพันธ์และรณรงค์ขอความร่วมมือกับประชาชนไปตั้งแต่ก่อนช่วงห้ามเผาแล้ว 

ขณะที่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ประกาศช่วงห้ามเผา (1 มี.ค. – 20 เม.ย. 61) เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาลดน้อยลงไปมาก แต่ยังบางวันที่มีค่า PM 10 เกินค่ามาตรฐาน โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังสุขภาพ และแนะนำการดูแลตัวเองในช่วงที่มีฝุ่นละอองเยอะ ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือประชาชนและทุกภาคส่วนช่วยกันเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่บริเวณพื้นที่อยู่อาศัย ด้วยการรดน้ำต้นไม้ สนามหญ้า หรือพ่นละอองน้ำบนหลังคา เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของตนเอง นอกเหนือจากที่ส่วนราชการและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ที่ได้ฉีดน้ำช่วยลดการสะสมของฝุ่นในพื้นที่ต่างๆ ตลอดจน จะได้กำชับเพิ่มความเข้มข้นในการทำทะเบียนประวัติการเข้าป่า โดยเฉพาะกลุ่มที่หาน้ำผึ้ง เพราะจะต้องจุดไฟใช้ควันไล่ผึ้ง 
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนตระหนักว่า ไฟที่เกิดจากไม้ขีดเพียงก้านเดียว เมื่อเกิดไฟป่าขึ้นมาแล้ว ต้องใช้คนจำนวนกว่า 20 – 30 คน รีบเข้ามาช่วยกันดับไฟ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพื่อต้องการรักษาคุณภาพอากาศของคนเชียงใหม่ ซึ่งผลกระทบยังส่งผลไปทั้งสภาพแวดล้อม สุขภาพอนามัย และเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดและประเทศอีกด้วย





องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันจัดงาน วันท้องถิ่นไทย ประจำปี 2561



องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันจัดงาน "วันท้องถิ่นไทย" ประจำปี 2561 เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงยกฐานะตำบลท่าฉลอม ขึ้นเป็นสุขาภิบาลท่า ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการกระจายอำนาจการปกครองให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2561 เวลา 09.00 น. ที่ เทศบาลเมืองแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานวางพานพุ่มดอกไม้สดถวายเครื่องราชสักการะพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และกล่าวคำถวายราชสดุดี รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงโปรดเกล้า ให้ยกฐานะตำบลท่าฉลอมขึ้นเป็นสุขาภิบาลท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร ถือกำเนิดของการปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งแรกของประเทศเมื่อวันที่ 18 มี.ค.2448 ถือเป็นต้นแบบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการกระจายอำนาจสู่ประชาชนให้ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และเป็นการวางรากฐานการปกครองท้องถิ่นที่สำคัญอันนำไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยสอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลในการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง เป็นกลไกในการพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 7,500  แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศ และในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีจำนวน 210 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด (องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่) 1 แห่ง เทศบาลนคร 1 แห่ง (เทศบาลนครเชียงใหม่) เทศบาลเมือง 4 แห่ง เทศบาลตำบล 116 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 89 แห่ง โดยมีผู้บริหาร สมาชิกสภา ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างส่วนท้องถิ่น และประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้อ่านสารเนื่องในโอกาสวันท้องถิ่นไทยประจำปี 2561 ของพลเอก อนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความว่า ในนามของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ขอขอบคุณผู้บริหาร สมาชิกสภา ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกท่าน ที่ร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง สามารถผลักดันนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติจนเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมนานัปการ ขอให้ทุกท่านร่วมกันขับเคลื่อนและสานต่อนโยบายต่างๆต่อไป เพื่อก้าวสู่ประเทศไทย 4.0 อย่างมั่นคง สร้างความผาสุกให้กับพี่น้องประชาชน โดยมีข้าราชการ ผู้บริหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นกลไกสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนการทำงานของภาครัฐ ซึ่งจะต้องปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเองต่อเนื่อง สร้างการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการร่วมกับทุกภาคส่วน และพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งร่วมกันส่งเสริมการทำงานให้บรรลุผลสำเร็จไปสู่เป้าหมายเดียวกันในทุกภาคส่วน โดยรูปแบบเครือข่าย “ประชารัฐ” มีการสร้างสรรค์และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี มาสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาประเทศ สู่ประเทศไทยที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เป็นสังคมปลอดทุจริตคอร์รัปชั่น ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ ซื่อตรง โปร่งใส โดยสามารถตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาของประชาชนด้วยการบริการที่รวมเร็ว ถูกต้อง มีธรรมาภิบาล โดยน้อมนำหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในการพัฒนาตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งสู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
 ดังนั้น เพื่อให้การขับเคลื่อนและการพัฒนา ก่อให้เกิดผลประโยชน์แก่ชาติ เพื่อประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนา ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เราจะต้องร่วมมือกันดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จในด้านต่างๆ ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการสร้างความมั่นคง การพัฒนาและเสริมศักยภาพคนหรือการสร้างโอกาส ความเสมอภาค และเท่าเทียมกันทางสังคม ทั้งหมดนั้นก็เพื่อเสริมสร้างความผาสุกให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ






นักท่องเที่ยวคึกคัก สวนสัตว์เชียงใหม่จัดกิจกรรมวันช้างไทย 13มีนาคม 2561


นักท่องเที่ยวคึกคัก สวนสัตว์เชียงใหม่จัดกิจกรรมวันช้างไทย โดยให้พังไชโย ซึ่งเป็นช้างตัวแรกที่ออกในสวนสัตว์ และเป็นช้างสัญลักษณ์ กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 2541 ออกแสดงให้กับนักท่องเที่ยวได้ชม

สวนสัตว์เชียงใหม่จัดกิจกรรม วันช้างไทย ในวันที่ 13 มีนาคม 2561 ตามมติของคณะรัฐมนตรี เพื่อเป็นการยกย่องและให้เกียรติช้างที่มีความสำคัญต่อบ้านเมืองมาอย่างยาวนาน รวมทั้งเพื่อให้นักท่องเที่ยวร่วมกันอนุรักษ์และเห็นความสำคัญของช้างไทย 
นายวุฒิชัย ม่วงมัน รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ จัดกิจกรรมเนื่องในวันช้างไทย  ส่วนจัดแสดงช้างเอเซีย ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ จัดแสดงช้างพังไชโย เพศเมีย ซึ่งเป็นเพียงช้างตัวเดียวของสวนสัตว์เชียงใหม่ และเป็นช้างตัวแรกที่เกิดในสวนสัตว์ ที่สำคัญเป็นช้างสัญลักษณ์ กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 2541 และยังได้จัดกระเช้าผลไม้มอบให้กับพังไชโย พร้อมให้พระสงฆ์มาประพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล สวนสัตว์เชียงใหม่ได้เล็งเห็นความสำคัญของช้างไทย  ซึ่งทุกปีวันที่ 13 มีนาคม เป็นวันช้างไทย  นอกจากนี้มีการจัดกิจกรรมและนิทรรศการให้ความรู้มากมายแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นการกระตุ้น และปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ ช้างไทย สัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทยที่อยู่คู่กับเมืองไทยมาอย่างยาวนาน 
ทั้งนี้มีการจัดนิทรรศการ ให้ความรู้เกี่ยวกับช้างแก่นักท่องเที่ยวและนักศึกษา  กิจกรรม  การประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ  กิจกรรมวาดภาพระบายสี การเขียนรณรงค์อนุรักษ์ช้างไทย พร้อมเลี้ยงขันโตกผลไม้ต่างๆให้แก่ช้างที่จัดแสดงอยู่ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ กิจกรรมการแสดงประกอบเสียงดนตรีของ พังไชโยและลุงสนั่น  (ควาญช้างผู้ดูแลพังไชโย)  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษ “กดไลค์กดแชร์รูปภาพ” เพื่อลุ้นรับของรางวัลพิเศษจากทางสวนสัตว์เชียงใหม่ 
ช้างเป็นสัตว์ที่มีความสัมพันธ์และผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยโบราณ ช้างเป็นพระราชพาหนะเคียงคู่   พระบารมีพระมหากษัตริย์ไทยทุกยุคทุกสมัย แต่ปัจจุบันคนไทยกลับเห็นคุณค่าและความสำคัญของช้างไทยลดน้อยลง ดังนั้น ทางสวนสัตว์เชียงใหม่จึงได้จัดนิทรรศการให้ความรู้และกิจกรรมต่างๆขึ้น เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ตระหนักถึงความสำคัญ และการดำรงอยู่ของช้างไทย รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนทุกคนหันมาช่วยกันอนุรักษ์ช้างและเห็นคุณค่าของช้างไทยให้มากยิ่งขึ้น





ศรีวราห์ ขอมา “คดีฆ่าเสือดำ” ภาคประชาชนจังหวัดเชียงใหม่ จัดให้



ศรีวราห์ ขอมา “คดีฆ่าเสือดำ” ภาคประชาชนจังหวัดเชียงใหม่ จัดให้ 
จุดธูป ร้องศาลพระพรหม หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมยื่นหนังสื่อให้นายก ผ่านผู้ว่าฯ ขอให้ตำรวจดำเนินการในคดีนี้ อย่างตรงไปตรงมาไม่บิดเบือนและ ไม่เลือกจนหรือรวย
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 12 มีนาคม 2561 ภาคประชาชนจังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ 20 คน นำโดยนางนลี อินทรนันท์ (ครูเบลล่า ) รวมตัวกันที่ บริเวณศาลพระพรหม ด้านหน้าทางเข้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อแสดงออกกรณี ปัญหาการฆ่าเสือดำ และได้ร่วมกันจุดธุป ถวายพวงมาลัยให้ศาลพระพรหม กล่าวคำอธิฐาน ยืนสงบนิ่ง รวมทั้งถือป้ายรูปเสือดำ พร้อมข้อความ อาทิ RIP ตำรวจปกป้องคนผิดไม่ได้ ประเทศนี้ถ้ารวยสบายผิดไม่ติดคุก

นางนลี อินทรนันท์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า กรณีการเข้าป่าสัตว์และยิงเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกนั้น ภาคประชาชนเห็นว่าผู้ที่กระทำความผิดสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย แต่ด้วยท่าทีของทางเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่แสดงออกตลอดช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ เพราะทำให้เกิดความรู้สึกสิ้นหวังเกี่ยวกับความถูกต้องและกฎหมายที่ดูเหมือนจะไม่สามารถบังคับใช้ได้อย่างเด็ดขาดกับบางคน ไม่อยากให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีในสังคม โดยที่ผ่านมาสังคมได้พยายามร้องต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยเฉพาะระดับสูง แต่กลับได้คำตอบจากพลตำรวจเอกศรีวราห์ ว่าให้ไปร้องขอกับศาลพระภูมิ พวกเราจึงมาทำกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อหวังให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ

ด้าน ผศ.อนุชาติ ธนัญชัย กล่าวกับสื่อมวลชนว่า กลุ่มฯ ได้นัดรวมตัวกันผ่านทางโซเชียลมีเดียและอีกหลายช่องทาง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับทรัพยากรธรรมชาติ และความถูกต้องของกฎหมายไม่เลือกชนชั้นว่าจะรวยหรือจน และเพื่อให้เป็นสมบัติของชาติและลูกหลานต่อไป 
จากนั้นกลุ่มฯ ได้ไปยื่นหนังสือ ถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายบุรินทร์ ใจจะนะ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดเชียงใหม่ เป็นตัวแทนท่านผู้ว่าราชการจังหวัด รับหนังสือจากตัวแทนกลุ่มฯ พร้อมชี้แจงว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป







เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีร่วมลดภาวะหมอกควัน และสนับสนุนการกำจัดขยะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม



สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ร่วมลดภาวะหมอกควัน  เพิ่มมาตรการสร้างความชุ่มชื้นในพื้นที่ส่วนแสดงสัตว์และพื้นที่ให้บริการนักท่องเที่ยว พร้อมสนับสนุนการกำจัดขยะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นางเนตรนภา  สุทธิธรรมดำรง  ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิดเผยว่า ในช่วงที่เกิดภาวะหมอกควันประกอบกับสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ทำให้เกิดฝุ่นละออง และเกิดการเสียดสีของเศษใบไม้ที่อาจทำให้เกิดการเผาไหม้ได้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจึงได้เพิ่มมาตรการสร้างความชุ่มชื้นในพื้นที่ซึ่งเป็นมาตรการที่ดำเนินการต่อเนื่องทุกปี โดยแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนแสดงสัตว์และพื้นที่การให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งได้จัดทำสปริงเกิลฉีดน้ำในส่วนแสดงสัตว์ต่างๆ และจัดพื้นที่ส่วนแสดงให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก  พร้อมทั้งจัดรถฉีดน้ำในพื้นที่เส้นทางส่วนแสดงซาวันนาซาฟารีและเพรดเดเตอร์พราวน์ ซึ่งเป็นส่วนแสดงที่ให้บริการการนั่งรถชมสัตว์แก่นักท่องเที่ยวทุกวัน ก่อนเริ่มให้บริการ
นอกจากนี้ได้มีการกำจัดขยะโดยการใช้เตากำจัดขยะไร้มลพิษที่ได้รับการแนะนำจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2553 โดยเตากำจัดขยะไร้มลพิษมีระบบการกำจัดขยะที่ไม่ส่งกระทบกับสิ่งแวดล้อม มีระบบดักเก็บมลพิษโดยใช้ไอน้ำในการบำบัดของเสียที่ทำให้เกิดกลิ่นและก๊าซต่างๆ รวมทั้งมีระบบดักเก็บฝุ่นละอองให้ตกตะกอนเหลือเป็นอากาศ หรือไอน้ำ ก่อนปล่อยสู่บรรยากาศ ที่สำคัญลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะและไม่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้สนับสนุนการใช้เตากำจัดขยะไร้มลพิษ โดยเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ เข้าศึกษาระบบการกำจัดขยะของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี  และนอกจากนี้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารียังได้กำจัดขยะธรรมชาติ เช่น มูลสัตว์ เศษใบไม้ โดยการแปรรูปเป็นปุ๋ยชีวภาพ เพื่อมอบให้แก่ชุมชนและเกษตรกรในการนำไปใช้ประโยชน์อย่างปลอดภัย ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการ เพื่อเป็นการช่วยลดหมอกควันและฝุ่นละอองในอากาศ และเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแก่สัตว์ป่าและชุมชนอย่างยั่งยืน