<<<<<..... ลักษณะอากาศทั่วไป วันนี้ ( 20 มกราคม 2567 ) เวลา 06.00 น. วันนี้ถึง 06.00 น.ของวันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ....ตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาค อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่ อัปเดตนิวส์ รายงาน. แหล่งที่มาของข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา - https://www.tmd.go.th/thailand.php .....................................................>>>>

ในหลวง พระราชินี พระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้สอบไล่ได้ตามหลักสูตรของสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตสภา สมัยที่ 72 ปีการศึกษา 2562 และมีพระราชดำรัสให้เนติบัณฑิตใหม่ ธำรงความศักดิ์สิทธิ์และประสิทธิภาพของกฎหมาย

 

ในหลวง พระราชินี พระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้สอบไล่ได้ตามหลักสูตรของสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตสภา สมัยที่ 72 ปีการศึกษา 2562 และมีพระราชดำรัสให้เนติบัณฑิตใหม่ ธำรงความศักดิ์สิทธิ์และประสิทธิภาพของกฎหมาย
.
เมื่อเวลา 17.56 น. วันที่ 27 เมษายน 2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ในการพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้สอบไล่ได้ตามหลักสูตรของสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตสภา สมัยที่ 72 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 1,090 คน
.
การนี้ พระราชทานพระบรมราโชวาท เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนและปฏิบัติงาน ความตอนหนึ่งว่า เนติบัณฑิตใหม่ ควรจะได้รับการชี้แนะให้ทราบแน่ชัดว่า กฎหมายทั้งปวงจะธำรงความศักดิ์สิทธิ์และประสิทธิภาพอยู่ได้หรือไม่มากน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับการใช้กฎหมาย คือต้องใช้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์หรือเจตนารมณ์ของกฎหมายนั้นๆ ไม่นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ด้วยอคติหรือด้วยเจตนาอันไม่สุจริตเที่ยงตรง
.
นักกฎหมายทุกคนจึงจำเป็นต้องรักษาเจตนารมณ์อันแท้จริงของกฎหมาย พร้อมทั้งรักษาอุดมคติ จรรยาบรรณ และความซื่อสัตย์สุจริตไว้อย่างเคร่งครัดเหนียวแน่น กฎหมายจะได้ทรงความศักดิ์สิทธิ์และประสิทธิภาพ สามารถอำนวยความยุติธรรมอันเที่ยงแท้ ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนได้สืบไป
.
ที่มา : สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 กรมประชาสัมพันธ์ 










เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ให้การต้อนรับคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ในการศึกษาดูงานและประชุมเชิงปฏิบัติการ (4 ภูมิภาค)

 

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ให้การต้อนรับคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ในการศึกษาดูงานและประชุมเชิงปฏิบัติการ (4 ภูมิภาค)

          เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2565 สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้ให้การต้อนรับ นางกอบกุล อาภากร ณ อยุธยา รองประธานคณะกรรมมาธิการ และประธานคณะอนุกรรมาธิการ ตสร. ด้านการศึกษา และคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ในการศึกษาดูงานและประชุมเชิงปฏิบัติการ (4 ภูมิภาค) โดยมี นายสายสิทธิ์ เจตสิกทัต ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร พร้อมด้วย นางสาวฐิติรัตน์ ต๊ะวันวงค์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และคณะผู้บริหาร เป็นผู้ให้การต้อนรับ ณ อาคารวารีกุญชร เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
          นายสายสิทธิ์ เจตสิกทัต ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า การศึกษาดูงานเยี่ยมชมพื้นที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และการประชุมเชิงปฏิบัติการ (4 ภูมิภาค) เกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ตามพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ในครั้งนี้ เป็นการเตรียมความร่วมมือในการพัฒนางานด้านการศึกษา ด้านการสร้างคุณภาพชีวิต และด้านการสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (CSR) เพื่อจะนำไปสู่การพัฒนาในด้านเรียนรู้และการอนุรักษ์สัตว์ป่า ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ
          โดยเป็นการประชุมต่อเนื่องจากที่ สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการศึกษา ร่วมกับสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการร่วมมือทางด้านการศึกษา ด้านการสร้างคุณภาพชีวิต และด้านการสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (CSR) เพื่อพัฒนางานด้านการศึกษาเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่า และการอนุรักษ์สัตว์ป่าในพื้นที่ชนิดต่างๆ ให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ลดการเหลื่อมล้ำในสังคม และสร้างโอกาสในการเรียนรู้ในทุกระดับ ต่อไป













ชาวนาเช็คด่วน!”มัลลิกา” เผยประกันรายได้ข้าว งวดที่ 27-28 เกี่ยวข้าวช่วง 8-21 เม.ย. รับส่วนต่างสูงสุด ครัวละ 38,690 บาท

 

ชาวนาเช็คด่วน!”มัลลิกา” เผยประกันรายได้ข้าว งวดที่ 27-28 เกี่ยวข้าวช่วง 8-21 เม.ย. รับส่วนต่างสูงสุด  ครัวละ 38,690 บาท 

วันที่ 27 เมษายน 2565 เวลา 8.30 น.

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า โดยนโยบายประกันรายได้ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากการติดตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรพืช 5 ชนิด คือ ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ล่าสุดการประกันรายได้ผู้ปลูกข้าว

รายงานจากนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ระบุว่าได้อนุมัติราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 รอบที่ 1 จ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวงวดที่ 27 ตั้งแต่วันที่ 8-14 เม.ย. 65  และงวดที่ 28 ตั้งแต่วันที่ 15-21 เม.ย. 65  จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกเจ้าและข้าวเปลือกเหนียว โดยข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่ต้องจ่ายชดเชยแล้ว เพราะสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยว ส่วนข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ไม่ต้องจ่ายเงินส่วนต่างเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสูงกว่ารายได้ที่ประกัน

นางมัลลิกา กล่าวว่า สำหรับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 งวดที่ 27 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 8-14 เมษายน 2565 ดังนี้ 
1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูการเก็บเกี่ยว 
2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 12,376.29 บาท ชดเชยตันละ 1,623.71 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 25,979.36 บาท 
3) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,228.90 บาท ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย
4) ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 8,730.23 บาท ชดเชยตันละ 1,269.77 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 38,093.10 บาท และ 
5) ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 9,581.82 บาท ชดเชยตันละ 2,418.18 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 38,690.88 บาท 
โดยมีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดนี้ จำนวน 1,988 ครัวเรือน 

และราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 งวดที่ 28 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 15- 21 เมษายน 2565 ดังนี้ 
1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูการเก็บเกี่ยว 
2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 12,411.03 บาท ชดเชยตันละ 1,588.97 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 25,423.52 บาท 
3) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,248.48 บาท ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย
4) ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 8,776 บาท ชดเชยตันละ 1,224 บาท ได้รับชดเชยสูงสุด ครัวเรือนละ 36,720 บาท และ 
5) ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 9,623.89 บาท ชดเชยตันละ 2,376.11 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 38,017.76 บาท 
โดยมีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดนี้ จำนวน 3,239 ครัวเรือน 

“รวมมีเกษตรกรที่ได้รับชดเชยส่วนต่างจากโครงการประกันรายได้เกษตรกรตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ งวดที่ 27 และ 28 เป็นจำนวน 5,227 ครัวเรือน และโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 3 ได้ประกันราคาข้าวเปลือก 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน โดยเข้าเปลือกชนิดต่างๆความชื้นไม่เกิน 15%”ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว













คืนแล้วเฟส 1 "บ้านป่าแหว่ง" เชียงใหม่ หลังเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ร่วมภาคประชาชน ต้องต่อสู้กว่า 4 ปี

คืนแล้วเฟส 1 "บ้านป่าแหว่ง" เชียงใหม่ หลังเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ

ร่วมภาคประชาชน ต้องต่อสู้กว่า 4 ปี

คืนแล้วเฟส 1 "บ้านป่าแหว่ง" เชียงใหม่ 45 หลัง 85 ไร่ ธนารักษ์ รับมอบพร้อมทำตามความต้องการของชุมชน

เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เตรียมฟื้นฟู หลังต่อสู้กว่า 4 ปี ส่วน คอนโดฯ 9 หลัง ค่อยว่ากันในเฟสต่อไป


27 เมษายน 2565 เวลา 09.30 เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ นำโดย นายธีรศักดิ์​ รูปสุวรรณ นายบัณรส บัวคลี่ น.ส.ลักขณา ศรีหงส์ นางคำศรีดา แป้นไทย และคณะ รวมทั้งผู้สื่อข่าวจำนวนมาก เข้าร่วม ในพิธีรับมอบ "บ้านป่าแหว่ง" หรือ บ้านพักข้าราชการตุลาการ จำนวน 45 หลัง บนพื้นที่ 85 ไร่  หลังศาลอุทธรณ์ภาค 5 จ.เชียงใหม่ ซึ่งสำนักงานศาลภาค 5 ได้ส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวให้กรมธนารักษ์ โดยมี นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ พร้อมด้วย นายกรจักร ชูทิพย์ ธนารักษ์พื้นที่เชียงใหม่ เป็นผู้รับมอบคืนตามมติคณะกรรมการจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้ง นายพิสิษฐ นิ่งน้อย รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 นางปรานอม ไชยจูกุล ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอุทธรณ์ภาค 5 ร่วมเป็นสักขีพยาน 

.

ทั้งนี้ ตัวแทนภาคประชาชน  ในนามเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ได้ดำเนินการต่อสู้เพื่อขอคืนพื้นที่ "ป่าแหว่ง" มากว่าสี่ปี

นายธีรศักดิ์ รูปสุวรรณ ประธานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ กล่าวว่า หลังจากรอกันมา 4 ปี ก่อนจะครบรอบในวันที่ 29 เมษายนนี้ ที่มีการชุมนุมใหญ่ ทางเครือข่ายมีความยินดีและขอบคุณศาลอุทธรณ์ภาค 5 รวมทั้งกรมธนารักษ์ที่ทำให้วันนี้ มีการรับมอบบ้านพัก 45 หลัง ซึ่งเป็นส่วนบนของป่าแหว่งกลับคืน และภายใน 1 เดือน ประชาชนจะร่วมกันเข้ามาปลูกป่าประมาณต้นเดือนมิถุนายน 

.

ด้านนายประภาศ กล่าวว่า วันนี้กรมธนารักษ์มารับมอบพื้นที่และครุภัณฑ์จากทางศาล จากนั้นจะตรวจสอบครุภัณฑ์จำนวน 1,866 รายการ  เพื่อดำเนินการตามระเบียบและส่งมอบให้หน่วยงานราชการต่างๆนำไปใช้ประโยชน์   รวมทั้งจะดำเนินการให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ที่ต้องการเข้ามาปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ โดยจะเป็นไปตามมติของคณะกรรมการระดับจังหวัดที่จะพิจารณา  ส่วนการทวงคืนพื้นที่อาคารชุดอีก 9 หลัง จะต้องหารือกันอีกครั้ง แต่วันนี้จะดำเนินการรับมอบพื้นที่บ้านพักทั้ง 45 หลังก่อน  ส่วนจะมีการรื้อถอนหรือไม่นั้น จะต้องหารือกันในรายละเอียดก่อน

.

ทั้งนี้เครือข่ายถือว่าดอยสุเทพเป็นดอยศักดิ์สิทธิ์ ชาวเชียงใหม่ติดตามการทวงคืนดอยสุเทพมานาน และเครือข่ายฯต้องการขอคืนพื้นที่ป่าเพื่อลบรอยแหว่งของดอยสุเทพในแผนที่  จึงขอความเห็นใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ภาคประชาชนได้เข้ามาปลูกป่า ให้ป่าผืนนี้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง

.

ขณะที่ทางศาลอุทธรณ์ภาค 5 ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์ โดยระบุว่า ไม่มีอำนาจในการให้ข่าว เป็นหน้าที่ของทางสำนักงานศาลยุติธรรมที่จะเป็นผู้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

.

กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" Fast News สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน




















รองฯทวีศักดิ์ ลงพื้นที่ติดตามงานจัดหาแหล่งน้ำสนับสนุนเกษตรวิชญาฯ จ.เชียงใหม่

 

รองฯทวีศักดิ์ ลงพื้นที่ติดตามงานจัดหาแหล่งน้ำสนับสนุนเกษตรวิชญาฯ จ.เชียงใหม่ 

เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 65 ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานสระเก็บน้ำห้วยปางหมี เพื่อสนับสนุนน้ำให้โครงการเกษตรวิชญาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านกองแหะ ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 

สำหรับโครงการปรับปรุงสระเก็บน้ำห้วยปางหมีพร้อมอาคารประกอบ โครงการเกษตรวิชญา โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของโครงการเกษตรวิชญาฯ กรมชลประทาน โดยโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้แผนการดำเนินการระหว่างเดือนมีนาคม - พฤษภาคม 2565 ปัจจุบันมีผลความคืบหน้าไปแล้วประมาณร้อยละ 95และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน2565นี้เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะเป็นแหล่งน้ำเพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของโครงการเกษตรวิชญาฯ ได้ประมาณ 198 ไร่ (พื้นที่ส่วนราชการ ธนาคารอาคารชุมชน และพื้นที่พัฒนาการเกษตร) และยังเป็นแหล่งน้ำเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรให้กับเกษตรกรบ้านกองแหะ ประมาณ 180 ไร่ นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคให้แก่ราษฎรในพื้นที่ได้ประมาณ 286 ครัวเรือน ประชากร 795 คน ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีผลผลิตและรายได้ต่อปีเพิ่มขึ้นอีกด้วย