<<<<<..... ลักษณะอากาศทั่วไป วันนี้ ( 01 เมษายน 2567 ) เวลา 06.00 น. วันนี้ถึง 06.00 น.ของวันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ....อากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 20-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39-42 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-15 กม./ชม. กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่ อัปเดตนิวส์ รายงาน. แหล่งที่มาของข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา - https://www.tmd.go.th/thailand.php .....................................................>>>>

28 ม.ค. 2565

จุรินทร์ ขึ้นเหนือ "ตรวจราคาสินค้าเชียงใหม่" ชู มาตรการ "ตรึงราคาช่วยประชาชน" เน้นความร่วมมือภาคเอกชน เป็นทางเลือกในสถานการณ์วันนี้

 

จุรินทร์ ขึ้นเหนือ "ตรวจราคาสินค้าเชียงใหม่" ชู มาตรการ "ตรึงราคาช่วยประชาชน" เน้นความร่วมมือภาคเอกชน เป็นทางเลือกในสถานการณ์วันนี้ 

วันที่ 28 มกราคม 2565 เวลา 14.00 น.

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตรวจเยี่ยมการจําหน่ายสินค้าราคาพิเศษในช่วงเทศกาลตรุษจีน พร้อมด้วยนายวรญาณ บุณณราช  รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายอาวุธ  วงศ์สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน นางสาวอรวรรณ ศิริโชติรัตน์ ผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายประชาสัมพันธ์และประสานรัฐกิจ นางสาวศิรดา พฤกษตระกูล ผู้จัดการเขตแมคโคร สาขาภาคเหนือ และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ที่ห้างแม็คโคร สาขาหางดง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

นายจุรินทร์ กล่าวว่า มาติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าที่ห้างแม็คโครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นห้างหนึ่งที่ให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์เป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ขณะนี้สถานการณ์ราคาสินค้าหมวดสำคัญกระทรวงพาณิชย์สามารถควบคุมราคาไว้ได้ในระดับที่ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ อย่างน้อยที่สุด คือ 1.หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่มีการขึ้นราคา 2.หมวดน้ำอัดลมไม่มีการขึ้นราคา 3.หมวดซอสปรุงรสไม่มีการขึ้นราคา 4.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสี่ไม่มีการขึ้นราคาได้ข้อยุติแล้วทั้ง 4 หมวด และหมวดที่ 5 หมวดอาหารซึ่งขณะนี้สามารถตรึงราคาไว้ได้

และบางตัวราคาถูกลงแล้ว เช่น 1.ไข่ไก่ ตรึงราคาหน้าฟาร์มไว้ ฟองละ 2.90 บาทส่งผลให้ไข่ไก่เบอร์สามราคาไม่เกิน 3.50 บาท ที่แม็คโครขายเพียงฟองละ 3.20 บาท ซึ่งสะท้อนว่าราคาเริ่มลดลงมา 2.ราคาไก่ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบให้ไก่เป็นสินค้าควบคุม และได้มีข้อตกลงร่วมกันในห้างสำคัญ 3 ห้าง ประกอบด้วยแม็คโคร โลตัสและบิ๊กซี ขายไก่ในราคาควบคุมของกระทรวงพาณิชย์เพื่อเป็นราคาชี้นำตลาด โดยกำหนดราคาไก่หน้าฟาร์มไว้ไม่เกิน 40 บาทต่อกิโลกรัม ไก่ชำแหละทั้งตัวรวมเครื่องใน ราคา 60- 65 บาทต่อกิโลกรัม น่องติดสะโพกไม่เกิน 60-65 บาท ต่อกิโลกรัม น่องแยกและสะโพกแยก ราคา 65 -70 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนหน้าอกไก่จะแพงที่สุด ราคา  70-75 บาทต่อกิโลกรัม แต่ทั้งหมดนี้ราคาที่แม็คโครถูกกว่าราคาที่กำหนดไว้ พอที่จะอนุมานได้ว่าสถานการณ์ราคาเริ่มลดลง

ส่วนหมูนั้น ให้กำกับราคาหมูหน้าฟาร์มไว้ที่กิโลกรัมละ 100-110 บาท ซึ่งจะส่งผลให้หมูเนื้อแดงขายที่กิโลกรัมละ 200-220 บาท ที่แม็คโครราคาลดลงมาเยอะมากเพราะเรากำกับว่าไม่เกิน 210 บาทต่อกิโลกรัม ที่นี่ขายเพียง 174-175 บาท ลดจากราคาสูงสุดที่ขายได้ ซึ่งสะท้อนว่าราคาหมูเริ่มทรงตัวและลดลง นอกจากนั้นหมวดอื่นๆราคาลดลงมาเช่นเดียวกัน ตอนนี้ผักก็ราคาไม่แพงแต่ขณะเดียวกันจะไปมีปัญหากับเกษตรกรขายผักไม่ได้ราคาซึ่งเป็นแบบนี้เสมอ กระทรวงพาณิชย์ต้องเข้าไปดูทั้ง 2 ด้านทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค

" สำหรับหมู ขณะนี้ได้มีการสั่งการให้มีการตรวจสต๊อกทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการกักตุนและทำให้ปริมาณหมูขาดตลาด ส่งผลให้ราคาหมูสูงขึ้น จากผลของการตรวจสต๊อกขณะนี้พบการกระทำความผิดบางพื้นที่บางส่วน เช่น ไม่แจ้งสต๊อกตามประกาศของกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับหรือปรับวันละ 2,000 บาทจนกว่าจะแจ้ง สำหรับกรณีของการไปตรวจสต๊อกหมูขณะนี้ได้สั่งการเป็นนโยบายไปแล้วว่าถ้าพบการกระทำความผิดให้ดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเคร่งครัด แต่ถ้าที่ไหนที่อายัดไว้เพื่อการตรวจสอบว่ามีการกักตุนหรือไม่ ขอให้เร่งตรวจสอบให้เร็วที่สุดและถ้าพบการกระทำความผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ถ้าไม่พบกันการกระทำความผิดให้เร่งการปล่อยหมู ไม่งั้นจะทำให้หมูในตลาดขาด ได้สั่งการเป็นนโยบายแล้วเพื่อให้ปริมาณหมูเพิ่มขึ้นในระบบและส่งผลให้ราคาลดลง จากห้างแม็คโครห้างเดียว หมูเนื้อแดง ราคา 174-175 บาทต่อกิโลกรัม" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน โดยเฉพาะราคาไก่ 3 ห้างแม็คโคร โลตัส บิ๊กซี และวันนี้ตนมาตรวจโครงการพิเศษช่วงตรุษจีนคือไก่ต้มไหว้เจ้า 189 บาท ได้รับความร่วมมือจาก 4 ห้างแม็คโคร โลตัส บิ๊กซีและท็อปส์ซุปเปอร์มาร์เก็ต ขายไก่ไหว้เจ้าต้มสุกแล้วตัวละไม่เกิน 189 บาท ขนาด 1.4-1.7 กิโลกรัมต่อตัว เตรียมไว้ในช่วงวันที่ 27-30 ม.ค. จำนวน 100,000 ตัว แต่ถ้าหมดก็เพิ่มได้ถ้าพี่น้องประชาชนเชื้อสายจีนที่ต้องการซื้อไก่สำเร็จรูปที่ต้มสุกแล้วเพื่อไปไหว้เจ้า ตรงนี้เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องในช่วงตรุษจีนประกอบกับราคาสินค้าหมวดอื่นที่เราควบคุมแล้วทั้งหมด จะทำให้ตรุษจีนปีนี้ราคาสินค้าไม่เป็นภาระกับพี่น้องไทยเชื้อสายจีนมากจนเกินไป

กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" Fast News สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน.

















จุรินทร์ ปั้น Gen Z เป็น CEO ปี65 ลุยลงนาม MOU กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วัยรุ่นชอบ !!


กระทรวงพาณิชย์ จับมือ มช. ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) “ปั้น Gen Z เป็น CEO (From Gen to be CEO) “

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จับมือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ “ปั้นเด็ก Gen Z เป็น CEO“ เพิ่มความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศให้กับนักศึกษาและเด็กรุ่นใหม่ เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต

วันที่ 28 มกราคม 2565 เวลา 10.30 น.


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายใต้โครงการปั้น Gen Z เป็น CEO พร้อมด้วยนายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่


นายจุรินทร์ กล่าวว่า

สำหรับการลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการ(MoU)ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการเพิ่มพูนองค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศให้กับน้องๆนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่หรือน้องๆ Gen Z ซึ่งเป็นความหวังของครอบครัวและประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต ซึ่งเป็นนโยบายที่ตนมอบให้กับกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเพราะทราบว่าเด็กยุคใหม่ส่วนใหญ่อยากเป็นนายตัวเอง จึงเป็นที่มาของนโยบายที่ตนมอบให้กับกระทรวงพาณิชย์จัดหลักสูตร ปั้น Gen Z เป็น CEO เพื่อให้มีโอกาสเติบโตเป็นนายของตัวเองตามฝันที่เรามี ในประเทศมีน้องๆ Gen z

ประมาณ 13,000,000 คน มีความสำคัญอย่างยิ่ง และมีความพร้อมในเรื่องการศึกษาการใช้เทคโนโลยี เติบโตในสังคมเทคโนโลยี ถ้าได้รับองค์ความรู้สามารถเติบโตเป็น CEO ในอนาคตได้ จะกลายเป็นแม่ทัพทางเศรษฐกิจให้กับครอบครัว ตนเองและประเทศได้ต่อไป


ซึ่งโครงการนี้ได้ทำมาปีกว่าแล้ว จนถึงสิ้นปี 64 ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากสถาบันการศึกษา 94 สถาบัน สามารถปั้น Gen Z

ให้มีองค์ความรู้เพื่อเตรียมเป็น CEOในอนาคตได้ถึง 20,000 คน และตั้งเป้าหมายปี 65 จะทำให้ได้อีก 20,000 คน คาดว่าจะได้รับความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ในปีก่อนหน้านี้ เฉพาะภาคเหนือ

เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยฟาร์ อีสเทอร์น มหาวิทยาลัยพายัพ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นต้น และยังมีสถาบันอาชีวศึกษาอีกหลายสถาบันทางภาคเหนือที่เข้ามาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในแม่ทัพทางการค้าเศรษฐกิจในอนาคต


โดยหลักสูตรที่เตรียมไว้สำหรับปีใหม่นี้ เช่นความรู้เบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ความรู้ขั้นตอนศุลกากร พิธีการศุลกากร

สิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากร ซึ่งเกิดจากความตกลงทางการค้าทั้งระบบทวิภาคีและพหุภาคี เช่น อาเซียนหรือ ไทย-uk และ RCEP ที่เป็นข้อตกลงทางการค้าใหญ่ที่สุดในโลกครอบคลุม GDP 1 ใน 3 ของโลก

ครอบคลุมประชากร 1 ใน 3 ของโลก มีสมาชิก 15 ประเทศ บังคับใช้เมื่อ 1 ม.ค. 65 มีผลให้ประเทศไทยส่งสินค้าออกไปยังผู้ค้าอีก 14 ประเทศภาษีเป็นศูนย์ 39,000 กว่ารายการ หรือหลักสูตรเจาะลึกแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์และระบบโลจิสติกส์ในระบบการค้าออนไลน์แบบครบวงจร ที่มีเจ้าของแพลตฟอร์มระดับโลกให้ความรู้ทั้ง True HUAWEI  TikTok เป็นต้น และวิชาทรัพย์สินทางปัญญาการจดทะเบียนเพื่อคุ้มครองผลิตภัณฑ์ของเราไม่ให้ถูกละเมิด และสินค้าและบริการที่คาดว่าจะมีศักยภาพในอนาคตแนะแนวธุรกิจวิเคราะห์สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศโดยผู้เชี่ยวชาญ

รวมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ส่งออกตัวจริงที่ประสบความสำเร็จ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับพวกเราทุกคนต่อไป

และที่สำคัญเป็นพิเศษปีนี้ตนมอบเป็นนโยบายว่าจะนำ Soft Power เป็นคีย์หลักสำหรับการให้องค์ความรู้ ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพความหลากหลายและไม่แพ้ใครในโลก เราจะเป็นมหาอำนาจด้าน Soft Power 

ได้ไม่ยาก หรือนำความเป็นคนไทยมาขายคือทรัพยากรล้ำค่าที่สุด ที่เป็นพลังหลักของ Soft Power ของประเทศไทยทั้งวันนี้และวันหน้า เพื่อสอดแทรกในภาพยนตร์อนิเมชั่นดิจิทัลคอนเทนท์ เมื่อเรียนจบแล้วหรือระหว่างเรียนจะมีการฝึกงานกับแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงระดับโลกเพื่อเป็นช่องทางส่งออกในอนาคต ทั้ง EXIM Bank และ Bitkub ที่กำลังมีชื่อเสียง 


หลักสูตรนี้คือความคุ้มค่าที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะได้ลงนามกับกระทรวงพาณิชย์ในวันนี้ว่าจะเป็นประโยชน์กับพวกเราทั้งสถาบันและน้องๆ Gen Z ขอแสดงความยินดีกับน้องๆและในอนาคตเมื่อเรียนเข้าใจทั้งหมดและปฏิบัติได้จริงแล้ว เราจะกลายเป็นแม่ทัพทางเศรษฐกิจทั้งของตนเองครอบครัวและประเทศชาติต่อไป ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จตามที่ฝัน

กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" Fast News สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน.
















17 ม.ค. 2565

กองทัพภาคที่ 3 จัดกิจกรรม "รณรงค์ป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พื้นที่ภาคเหนือ” ประจำปี 2565

 

กองทัพภาคที่ 3 จัดกิจกรรม "รณรงค์ป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พื้นที่ภาคเหนือ”  ประจำปี 2565 พร้อมมอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ  ที่จังหวัดเชียงใหม่  เพื่อเตรียมความพร้อม ป้องกัน แก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละออง ตามนโยบายของรัฐบาล  

                วันที่ 17 ม.ค. 65 เวลา 13.30  ที่ ลานพื้นแข็ง หน้า บก.พล.ร.7 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  พลโทอภิเชษฐ์   ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานเปิดกิจกรรม รณรงค์ป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พื้นที่ภาคเหนือ”  ประจำปี 2565  โดยมีนายประจญ   ปรัญช์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ,นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ  ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อบูรณาการกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ร่วมกับส่วนราชการที่ เกี่ยวข้อง ในการเตรียมความพร้อม ป้องกัน แก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละออง ตามนโยบายของ รัฐบาล
     แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า สภาพภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม  เป็นปัจจัยทำให้เกิดปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง  ที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น  อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน  เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ดังนั้นทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือร่วมใจ โดยการจัดการเชื้อเพลิงและลดความร้อน  พร้อมจัดทำแผนปฏิบัติการในทุกระดับ  ที่เน้นการป้องกันแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ  ลดการเผาในทุกพื้นที่ โดยใช้แนวทางการบริหารจัดการ  อันประกอบด้วย ระบบบัญชาการเหตุการณ์  ,การกระจายข่าวสารพร้อมความรู้ การจัดการเชื้อเพลิง และ การมีส่วนร่วมของประชาชน 
    โดยเป้าหมายในการแก้ไขปัญหา ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในปี 2565  จะพิจารณาจากสถิติจุดความร้อน  และพื้นที่เผาไหม้ของปีที่ผ่านมา  เพื่อกำหนดเป้าหมายสำคัญ 6 ดอย 19 รอยต่อ 8 พื้นที่เสี่ยง ซึ่งขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกหน่วย งานโดยมีประชาชนเป็นกำลังหลักในการแก้ไขปัญหา ทำให้ไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองของ 17 จังหวัดภาคเหนือ  ลดลง ร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบจุดความร้อนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ปี 64 และ ปี 65 พบว่า ในปี 64 เกิดจุดความร้อนสะสม จำนวน 61,776 จุด ส่วนในปี 65 เกิดจุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. จนถึงปัจจุบัน กว่า 4,000 จุด โดยส่วนมากพบจุดความร้อนในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงราย และพิจิตร เมื่อเทียบกับปี 64 ในเวลาเดียวกันลดลง กว่า 2,000 จุด คิดเป็นร้อยละ 30 ดีกว่าที่กำหนดไว้  
      ขณะเดียวกัน แม่ทัพภาคที่ 3 ได้มอบนโยบายการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ ประจำปีงบประมาณ 2565 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือผ่านระบบ VTC  ที่ ห้องประชุมระวังเมือง 1 กองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 7  โดยขอให้ทุกจังหวัดยึดนโยบายรัฐบาล ที่จะลดปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง กว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 20   พร้อมให้จังหวัดบริหารงาน  แบบ Single Command  โดยจัดตั้ง ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์  มีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์  บูรณาการหน่วยงานแก้ไขปัญหาร่วมกัน  ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด  นอกจากนี้ยังให้ทุกหน่วยงานใช้ตัวชี้วัดร่วมกัน  จาก สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ  และภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)  โดยเฉพาะ จุดความร้อน  พื้นที่เผาไหม้  และค่าคุณภาพอากาศ  เพื่อเป็นฐานข้อมูลหลัก ในการกำหนดแผนงานในแต่ละพื้นที่  ที่สำคัญให้ทุกจังหวัดนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย  ถูกต้องและเชื่อถือได้  มาช่วยในการตรวจวัดค่าคุณภาพอากาศ จุดความร้อน   รวมถึงข้อมูลที่สำคัญอื่นๆ  เพื่อประกอบการบริหารจัดการในการแก้ไขปัญหา  ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามาแก้ไขปัญหาในถิ่นที่อยู่อาศัยของตนเอง  ขณะเดียวกันการประกาศห้ามเผาของแต่ละจังหวัด  อย่างน้อยให้ครอบคลุมห้วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม 2565  
    ทั้งนี้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ขับเคลื่อนการปฏิบัติงาน  โดยตระหนักถึงผลกระทบในด้านต่างๆ และช่วยกันแก้ไขปัญหา หากเกินกำลัง กองทัพภาคที่ 3  มีความพร้อมในการสนับสนุนกำลังพล และยุทโธปกรณ์  เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาในทุกพื้นที่  ตามที่ได้รับการประสานอย่างเต็มขีดความสามารถ

กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" Fast News สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน.