นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ที่ว่า รัฐบาลต้องกำหนดนโยบายให้ชัดเจน เพื่อให้ทุกฝ่ายดำเนินการในทิศทางเดียวกัน ทั้งทหารและตำรวจ
ส่วนการสู้คดีระหว่างไทยกับกัมพูชาในศาลโลกนั้น ควรแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนคือ กรณีกัมพูชายื่นเรื่องต่อศาลโลกให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งศาลโลกให้ไทยและกัมพูชาถอนกำลังออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวแล้ว
และเรื่องคดีหลัก ซึ่งขณะนี้รัฐบาลควรเตรียมข้อมูลที่จะใช้ในการต่อสู้ให้ชัดเจน และรัฐบาลต้องรักษาอธิไตยของประเทศไทยไว้ให้ได้ เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์พยายามไม่ให้ทางการกัมพูชาเข้ามาบริหารพื้นที่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ควรจะดำเนินการต่อ
สำหรับกรณีรัฐบาลจะดำเนินการตาม MOU 2544 เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล ต้องมีความชัดเจนเรื่องเส้นเขตแดนทางทะเล และการแบ่งผลประโยชน์ ซึ่งถ้าหากรัฐบาลนำกลับมาใช้ใหม่จริงก็ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่ทำก็คงไม่ได้
แต่ถ้าทำแล้วไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ก็ถือว่าเป็นโมฆะ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว พร้อมกันนี้นายอภิสิทธิ์ ได้ยืนยันว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ไม่เคยเจรจาลับเกี่ยวกับผลประโยชน์ในอ่าวไทยกับทางการกัมพูชา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น