อินโดฯเสนอไทย-กัมพูชาสวดมนต์ร่วมกันลดความขัดแย้ง สร้างสันติสุข “แม้ว“ครวญเป็น1ใน13%ของโลกที่ต้องเร่ร่อน เวทีแคปดิ เสนออภัยโทษเหลือง-แดง
วันนี้ (19 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ รายงานความเคลื่อนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนกัมพูชาเป็นวันที่ 3 ว่า ในช่วงเช้า พ.ต.ท.ทักษิณได้เข้าร่วมในเวทีเสวนาว่า “ศตวรรษแห่งอาเซียน: ความท้าทายและความหวัง” จัดโดยราชบัณฑิตยสถานแห่งกัมพูชาร่วมกับองค์กรประชาธิปไตยเอเซียกลาง แปซิฟิก ระหว่างประเทศ หรือ แคปดิ (Centrist Asia Pacific Democrats International (CAPDI) ที่อาคารมิตรภาพ คณะรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา กรุงพนมเปญ โดยมีผู้ร่วมเสวนาอาทิ นายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายสุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายโฮเซ่ เดอ เวเนเซีย จูเนียร์ ประธานและหัวหน้าคณะผู้บริหารแคปดิ รวมทั้งนักธุรกิจชั้นนำและข้าราชการระดับสูงประมาณ 200 คนเข้าร่วมรับฟังด้วย
นายโฮเซ่ เดอ เวเนเซีย จูเนียร์ กล่าวว่า สภาเพื่อการสร้างความปรองดองและสันติของอาเซียน (the Asian Peace and Reconciliation Council) เป็นส่วนหนึ่งของการประชุมครั้งนี้จะแสวงหาหนทางขจัดความขัดแย้งในประเทศระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ซึ่งทำให้กรุงเทพฯ เกิดความปั่นป่วน เมื่อทั้งสองกลุ่มเผชิญหน้ากันการลดความขัดแย้งดังกล่าวจะทำให้ประเทศไทยกลับเข้าสู่ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจในระดับต้นๆของโลก อย่างไรก็ตามการสร้างความปรองดองระหว่างคนเสื้อแดง เสื้อเหลืองจะเกิดขึ้นและประสบผลสำเร็จจะต้องได้รับแรงสนับสนุนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี อีกทั้งควรนำข้อเสนอการขออภัยโทษให้แก่กลุ่มเสื้อแดงและเสื้อเหลืองอาจจะเป็นหนึ่งในหนทางช่วยเยียวยาสังคมไทย
นายมูฮัมเหม็ด ยูซุฟ คัลลา อดีตรองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กล่าวว่า อยากเห็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกัมพูชาในกรณีประสาทเขาพระวิหาร ยุติลงและหวังว่า ผู้นำกัมพูชาและผู้นำไทยร่วมกันเดินทางไปสวดมนต์บนปราสาทเขาพระวิหารจะเป็นหนทางสู่ความสันติสุขในภูมิภาค
ทางด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเรียกร้องให้กลุ่มประเทศในอาเซียนร่วมกันคิดหารือเพื่อร่วมผนึกกำลังในการสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ในท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน ทั้งโดยการจัดระเบียบทางกระบวนการกฎหมายให้เป็นมาตรฐานสากลมีความโปร่งใส เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นกับนักลงทุน นอกจากนี้แล้วประเทศต่างๆ ควรสร้างงานใหม่ๆและเน้นการเติบโตตลาดในประเทศควบขนานไปกับนโยบายส่งออก ทั้งนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้กล่าวติดตลกด้วยว่า ในโลกมีประชาชนที่เร่ร่อนและไม่อยู่ที่บ้านเมืองของตัวเองประมาณ 13% ซึ่งคนก็อยู่เป็น 1 ในนั้น
นายโฮเซ่ เดอ เวเนเซีย จูเนียร์ กล่าวว่า สภาเพื่อการสร้างความปรองดองและสันติของอาเซียน (the Asian Peace and Reconciliation Council) เป็นส่วนหนึ่งของการประชุมครั้งนี้จะแสวงหาหนทางขจัดความขัดแย้งในประเทศระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ซึ่งทำให้กรุงเทพฯ เกิดความปั่นป่วน เมื่อทั้งสองกลุ่มเผชิญหน้ากันการลดความขัดแย้งดังกล่าวจะทำให้ประเทศไทยกลับเข้าสู่ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจในระดับต้นๆของโลก อย่างไรก็ตามการสร้างความปรองดองระหว่างคนเสื้อแดง เสื้อเหลืองจะเกิดขึ้นและประสบผลสำเร็จจะต้องได้รับแรงสนับสนุนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี อีกทั้งควรนำข้อเสนอการขออภัยโทษให้แก่กลุ่มเสื้อแดงและเสื้อเหลืองอาจจะเป็นหนึ่งในหนทางช่วยเยียวยาสังคมไทย
นายมูฮัมเหม็ด ยูซุฟ คัลลา อดีตรองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กล่าวว่า อยากเห็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกัมพูชาในกรณีประสาทเขาพระวิหาร ยุติลงและหวังว่า ผู้นำกัมพูชาและผู้นำไทยร่วมกันเดินทางไปสวดมนต์บนปราสาทเขาพระวิหารจะเป็นหนทางสู่ความสันติสุขในภูมิภาค
ทางด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเรียกร้องให้กลุ่มประเทศในอาเซียนร่วมกันคิดหารือเพื่อร่วมผนึกกำลังในการสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ในท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน ทั้งโดยการจัดระเบียบทางกระบวนการกฎหมายให้เป็นมาตรฐานสากลมีความโปร่งใส เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นกับนักลงทุน นอกจากนี้แล้วประเทศต่างๆ ควรสร้างงานใหม่ๆและเน้นการเติบโตตลาดในประเทศควบขนานไปกับนโยบายส่งออก ทั้งนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้กล่าวติดตลกด้วยว่า ในโลกมีประชาชนที่เร่ร่อนและไม่อยู่ที่บ้านเมืองของตัวเองประมาณ 13% ซึ่งคนก็อยู่เป็น 1 ในนั้น
เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น