กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า แถลงผลการปฏิบัติงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือ วันนี้ (21 ม.ค. 63) พลตรี จิรเดช กมลเพ็ชร รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า พร้อมด้วย นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการปฏิบัติงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ณ ศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา พบว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยจังหวัดที่มีผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดลำพูน แพร่ และจังหวัดตาก ส่วนจังหวัดที่มีผลกระทบน้อยที่สุด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ น่าน และจังหวัดเชียงราย จุดความร้อนสะสมในพื้นที่ 9 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 – 20 มกราคม 2563 พบว่า มีจำนวน 3,506 จุด ซึ่งส่วนใหญ่เกิดในเขตป่าอนุรักษ์และเขตป่าสงวน ส่วนผลการปฏิบัติงานในห้วงที่ผ่านมาของ 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้มีการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ห่างไกลและชุมชนเสี่ยง โดยได้ดำเนินการเข้าพบปะและเคาะประตูบ้าน พร้อมการประชาสัมพันธ์ผ่านหอกระจายข่าว ผ่านวิทยุชุมชน และผ่านเครื่องบินกระจายเสียง peacemaker จากกองทัพอากาศ และจัดทำสปอตประชาสัมพันธ์ ร่วมกับสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยในพื้นที่ ในส่วนของเขตพื้นที่เมือง มีการประชาสัมพันธ์ภาพอินโฟกราฟฟิก ผ่านจอ LED ตามจุดสำคัญของจังหวัด พร้อมทั้งนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชนทุกแขนง นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดชุดดับไฟป่าในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 591 ชุด และกองทัพภาคที่ 3 ได้จัดเตรียมชุดดับไฟป่าเพื่อสนับสนุนทุกจังหวัดอีก จำนวน 194 ชุด ซึ่งพร้อมปฏิบัติเมื่อจังหวัดร้องขอ ทั้งยังมีการสร้างความชุ่มชื้นในอากาศและการชะล้างฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สะสม โดยใช้รถฉีดพ่นละอองน้ำในพื้นที่ และจัดพื้นที่เซฟตี้โซน (Safty Zone) พร้อมเตรียมการในเรื่องการรักษาพยาบาล และการแจกจ่ายหน้ากากป้องกัน ฝุ่นละอองให้กับประชาชน ล่าสุดได้มีการจัดทำแอปพลิเคชัน AirCMI เพื่อแสดงปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 แบบเรียลไทม์ จากเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ติดตั้งในจังหวัดเชียงใหม่มากกว่า 200 จุด เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ค่าของฝุ่นและหาทางป้องกันตัวเองได้อีกด้วย ทั้งนี้ การดำเนินงานแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ ปี 2563 ทุกภาคส่วนจะบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งนำประชาชนจิตอาสาพระราชทานเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาในทุกขั้นตอน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็น Single Command เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะแก้ปัญหาการเผาในพื้นที่โล่งทุกพื้นที่ ทั้งพื้นที่ป่า พื้นที่ทางการเกษตร พื้นที่ชุมชน และพื้นที่ 2 ข้างทาง รวมถึงควบคุมไม่ให้ปริมาณฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนในพื้นที่ ที่สำคัญทุกภาคส่วนจะต้องสร้างการรับรู้เรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นควันให้ประชาชนได้เข้าใจกันมากที่สุด พยุงศักดิ์ เทพแก้ว/นันธิกา กิจปาโล ข่าว-ภาพ กมล เครือนิล ทีมข่าว ที่นี่....เชียงใหม่ สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน
21 ม.ค. 2563
กองทัพภาคที่ 3 แถลงผลการปฏิบัติงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือ
กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า แถลงผลการปฏิบัติงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือ วันนี้ (21 ม.ค. 63) พลตรี จิรเดช กมลเพ็ชร รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า พร้อมด้วย นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการปฏิบัติงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ณ ศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา พบว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยจังหวัดที่มีผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดลำพูน แพร่ และจังหวัดตาก ส่วนจังหวัดที่มีผลกระทบน้อยที่สุด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ น่าน และจังหวัดเชียงราย จุดความร้อนสะสมในพื้นที่ 9 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 – 20 มกราคม 2563 พบว่า มีจำนวน 3,506 จุด ซึ่งส่วนใหญ่เกิดในเขตป่าอนุรักษ์และเขตป่าสงวน ส่วนผลการปฏิบัติงานในห้วงที่ผ่านมาของ 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้มีการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ห่างไกลและชุมชนเสี่ยง โดยได้ดำเนินการเข้าพบปะและเคาะประตูบ้าน พร้อมการประชาสัมพันธ์ผ่านหอกระจายข่าว ผ่านวิทยุชุมชน และผ่านเครื่องบินกระจายเสียง peacemaker จากกองทัพอากาศ และจัดทำสปอตประชาสัมพันธ์ ร่วมกับสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยในพื้นที่ ในส่วนของเขตพื้นที่เมือง มีการประชาสัมพันธ์ภาพอินโฟกราฟฟิก ผ่านจอ LED ตามจุดสำคัญของจังหวัด พร้อมทั้งนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชนทุกแขนง นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดชุดดับไฟป่าในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 591 ชุด และกองทัพภาคที่ 3 ได้จัดเตรียมชุดดับไฟป่าเพื่อสนับสนุนทุกจังหวัดอีก จำนวน 194 ชุด ซึ่งพร้อมปฏิบัติเมื่อจังหวัดร้องขอ ทั้งยังมีการสร้างความชุ่มชื้นในอากาศและการชะล้างฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สะสม โดยใช้รถฉีดพ่นละอองน้ำในพื้นที่ และจัดพื้นที่เซฟตี้โซน (Safty Zone) พร้อมเตรียมการในเรื่องการรักษาพยาบาล และการแจกจ่ายหน้ากากป้องกัน ฝุ่นละอองให้กับประชาชน ล่าสุดได้มีการจัดทำแอปพลิเคชัน AirCMI เพื่อแสดงปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 แบบเรียลไทม์ จากเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ติดตั้งในจังหวัดเชียงใหม่มากกว่า 200 จุด เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ค่าของฝุ่นและหาทางป้องกันตัวเองได้อีกด้วย ทั้งนี้ การดำเนินงานแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ ปี 2563 ทุกภาคส่วนจะบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งนำประชาชนจิตอาสาพระราชทานเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาในทุกขั้นตอน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็น Single Command เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะแก้ปัญหาการเผาในพื้นที่โล่งทุกพื้นที่ ทั้งพื้นที่ป่า พื้นที่ทางการเกษตร พื้นที่ชุมชน และพื้นที่ 2 ข้างทาง รวมถึงควบคุมไม่ให้ปริมาณฝุ่นละอองสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนในพื้นที่ ที่สำคัญทุกภาคส่วนจะต้องสร้างการรับรู้เรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นควันให้ประชาชนได้เข้าใจกันมากที่สุด พยุงศักดิ์ เทพแก้ว/นันธิกา กิจปาโล ข่าว-ภาพ กมล เครือนิล ทีมข่าว ที่นี่....เชียงใหม่ สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น