รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพิ่มประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน
และติดตามผลการดำเนินงานด้านการปราบปราม
ยึดทรัพย์และตัดวงจรการค้ายาเสพติด พร้อมรับมอบนโยบายการขยายผลยึดทรัพย์สิน
จากนายกรัฐมนตรี ผ่านระบบ Video Conference
วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563 นายสมศักดิ์
เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
เป็นประธานเปิดการอบรมเพิ่มศักยภาพเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน
หลักสูตร “การเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงาน
ป.ป.ส.” โดยมี นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ดร.วีริศ อัมระปาล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมด้านวิชาการ
นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. นายวิชัย ไชยมงคล
ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. นายดุลยพิชัย มหาวีระ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด
พลโท เศรษฐพล เกตุเต็ม รองผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ
(ศอ.บส.ชน.) นายวิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.พรชัย
เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พลตรี บุญยืน อินกว่าง รองแม่ทัพน้อย 3 / รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ
พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พ.อ.ยงยุทธ เหล่าเขตร์การ ที่ปรึกษา กองกำลังผาเมือง และ พ.ต.อ.ทรงกริช ออนตะไคร้
รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วม ณ โรงแรม ฮอไรซัน วิลเลจ แอนด์ รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่
จากนั้นเข้าร่วมประชุมติดตามคดีตรวจสอบทรัพย์สินโดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
มอบนโยบายการขยายผลการยึดทรัพย์สิน ผ่านระบบประชุมทางไกล (Video
Conference) ณ ห้องประชุม
ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่
นายสมศักดิ์
เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า
จากสถานการณ์ที่เครือข่ายยาเสพติดใช้สถาบันการเงินเป็นช่องทางในการทำธุรกรรมการเงิน
ผ่านทางสถาบันการเงินตามแนวชายแดน การปราบปรามยาเสพติดชายแดนจึงสำคัญ
ในการที่จะทำลายขบวนการเครือข่ายยาเสพติด
จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน
ให้มีขีดความสามารถมากขึ้น
โดยเฉพาะทักษะการสืบสวนสอบสวนเพื่อรวบรวมเป็นหลักฐานเอาผิด
เพื่อดำเนินการต่อทรัพย์สินคดียาเสพติด และนำไปสู่การขยายผลจับกุม นักค้ายาเสพติดที่เป็นนายทุน ตัวการอยู่เบื้องหลัง
จึงเป็นที่มาของโครงการอบรมนี้ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
จากหน่วยงานต่าง ๆ ที่ปฏิบัติงาน ในพื้นที่เป้าหมาย
ตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือแบบเบ็ดเสร็จ ได้แก่
จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และพะเยา จำนวน 100 นาย โดยการอบรมครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากทีมวิทยากร
ที่มีความรู้และประสบการณ์จากหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ สำนักงานประธานศาลฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ
และสำนักงาน ป.ป.ส. มาถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เข้ารับการอบรม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
กล่าวอีกว่า โครงการอบรมพัฒนาศักยภาพเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
ดังกล่าวจะดำเนินการพัฒนาบุคลากรในเขตพื้นที่ชายแดนทั่วประเทศใน ภาคเหนือ
ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและบริเวณภาคเหนือตอนล่างที่จังหวัดขอนแก่น
และที่จังหวัดพิษณุโลก โดยมีบุคลากรที่ผ่านการพัฒนาไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 295 ราย และตั้งเป้าว่าเมื่อเสร็จสิ้นโครงการจะมีเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
ในพื้นที่ชายแดน ที่ผ่านการฝึกอบรมรวมจำนวน 1,000 ราย
จากนั้นในเวลา 13.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ได้มอบนโยบายการขยายผลยึดทรัพย์ ผ่านระบบประชุมทางไกล (Video Conference) ให้แก่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและคณะผู้บริหาร
ป.ป.ส. ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ขยายผลเพื่อจับกุมนายทุนและผู้อยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติด
รวมถึงจัดตั้งกลไกการบูรณาการการปราบปรามยาเสพติดเพื่อสืบสวนขยายผลและยึดทรัพย์สินกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด
นายสมศักดิ์
เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ
กล่าวหลังจากนายกรัฐมนตรีให้นโยบายว่า ได้มอบหมายให้ สำนักงาน ป.ป.ส.
บูรณาการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ “ศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด” ซึ่งตั้งขึ้นตามคำสั่งศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ
หรือ ศอ.ปส. ที่ 5/2563 ประกอบด้วย
สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองทัพบก หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ กรมสรรพากร
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมสอบสวนคดีพิเศษและสำนักงานอัยการสูงสุด
โดยมีเป้าหมายการดำเนินงานยึดทรัพย์จากเครือข่ายยาเสพติด ในปี 2564 จะต้องทำได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้าน
โดยที่ผ่านมาพบว่าบางเครือข่ายมีเงินหมุนเวียนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มูลค่าถึงกว่า
12,000 ล้านบาท ซึ่งต้องหาหลักฐาน และขยายผล
โดยนำพระราชบัญญัติปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
พ.ศ. 2534 กฎหมายภาษีอากร
และอื่นๆ เป็นเครื่องมือในการดำเนินการกับกลุ่มนายทุนผู้ค้ายาเสพติดต่อไป
นายนิยม
เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวทิ้งท้ายว่าตามนโยบายของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีภายใต้ข้อสั่งการของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งให้ความสำคัญกับนโยบายการขยายผลจับกุม
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติดในปัจจุบัน
ซึ่งหากจะเอาชนะยาเสพติด หรือ ทำลายวงจรการค้ายาเสพติดให้ได้ผลเป็นรูปธรรม
ต้องทำการยึดทรัพย์สินของผู้กระทำผิด หรือ
ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด ให้ได้มากที่สุด
โดยความร่วมมือและเบาะแสจากภาคประชาชนมีส่วนในการช่วยแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งนี้
หากพบเห็นผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส.
โทร. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น