สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดสังเกตการณ์ “ดาวเสาร์ใกล้โลกที่สุดในรอบปี” คืน 21 กรกฎาคม 2563 ณ จุดสังเกตการณ์หลัก 4 แห่ง เชียงใหม่ โคราช ฉะเชิงเทรา สงขลา ในรูปแบบ New Normal
ประชาชนทั่วประเทศแห่ชมราชาแห่งวงแหวนกันอย่างคึกคัก ปลายปีนี้ชวนจับตาอีกปรากฏการณ์สำคัญ ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์เคียงกันใกล้ที่สุดใน
นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์
หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ กล่าวว่า สดร.
จัดกิจกรรมสังเกตการณ์ดาวเสาร์ใกล้โลกที่สุดในรอบปี 4 แห่งทั่วประเทศ ที่อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร อ.แม่ริม
จ.เชียงใหม่ มีประชาชนมารอชมดาวเสาร์ตั้งแต่ช่วงเย็นกันอย่างคับคั่ง
แม้จะมีเมฆบดบังมาเป็นระยะ แต่ในที่สุดก็สามารถสังเกตเห็นดาวเสาร์ได้ในเวลาประมาณ 20:00
น. ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เรียกความสนใจจากผู้เข้าร่วมงาน ต่อแถวชมดาวเสาร์ผ่านกล้องโทรทรรศน์ที่
สดร. จัดเตรียมไว้หลายตัว
หากสังเกตผ่านกล้องโทรทรรศน์จะมองเห็นวงแหวนดาวเสาร์สวยงาม
อีกทั้งยังสามารถสังเกตดาวพฤหัสบดีสุกสว่างอยู่ใกล้ ๆ ก่อนฟ้าปิดในช่วง 21:30
น. เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม
ในคืนดังกล่าวได้เปิดให้เข้าชมนิทรรศการดาราศาสตร์และท้องฟ้าจำลองรอบพิเศษ
ตลอดจนเล่นเกมแจกของรางวัลดาราศาสตร์สุดพรีเมียม พร้อมเสียงดนตรีขับกล่อมตลอดงาน
สร้างความสนุกสนานให้แก่ผู้มาร่วมงานเป็นอย่างมาก
ด้านหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา นครราชสีมา
สังเกตดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดีได้ในช่วง 19:30 - 20:00 น.
ก่อนมีเมฆเข้าบดบัง และหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ
พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา ดาวเสาร์เริ่มปรากฏให้เห็นเวลา 20:30 น. จนถึงเวลาประมาณ 21:10 น.
ประชาชนพากันส่องกล้องชมวงแหวนดาวเสาร์อย่างคึกคัก
ส่วนหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ
7 รอบ พระชนมพรรษา สงขลา ทัศนวิสัยท้องฟ้าดี
เริ่มสังเกตเห็นดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดี เวลาประมาณ 19:30 น.
เป็นต้นไปจนจบกิจกรรม รวมทั้ง 4 จุดสังเกตการณ์หลักมีผู้คนให้ความสนใจร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง
ซึ่ง สดร. ก็ได้ดำเนินมาตรการป้องกันด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัดด้วยความใส่ใจในสุขภาพของผู้ร่วมงานทุกคน
ในคืนดังกล่าว
ยังมีอีกหนึ่งวัตถุท้องฟ้าที่น่าติดตาม คือ ดาวหางนีโอไวส์ หรือดาวหาง C/2020 F3 (NEOWISE) ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
หากแต่น่าเสียดายที่มีเมฆบดบังในทุกพื้นที่จึงไม่สามารถสังเกตการณ์ได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากวันนี้ยังสามารถลุ้นชมดาวหางนีโอไวส์ได้จนถึงวันที่ 23
กรกฎาคม 2563 ในช่วงหัวค่ำ
หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ก่อนที่ดาวหางดวงนี้จะสังเกตการณ์ได้ยากขึ้นเนื่องจากความสว่างของดาวหางจะค่อย ๆ
ลดลงและมีแสงจันทร์รบกวน
หลังจากนี้
ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์จะยังคงปรากฏใกล้กันบนท้องฟ้า จนกระทั่งในช่วงวันที่ 20-23 ธันวาคม
2563 ดาวพฤหัสบดีจะปรากฏเคียงดาวเสาร์ ใกล้กันที่สุดในรอบ 397
ปี ห่างกันเพียง 0.1 องศา เรียก “The
Great
Conjunction” มองด้วยตาเปล่าเสมือนเป็นดาวดวงเดียวกัน
และหากมองผ่านกล้องโทรทรรศน์กำลังขยายไม่เกิน 100 เท่า
จะเห็นดาวเคราะห์ทั้งสองปรากฏอยู่ในช่องมองภาพเดียวกันอีกด้วย
ถือเป็นปรากฏการณ์ที่หาชมได้ยาก และ สดร. มีแผนจัดกิจกรรมสังเกตการณ์ดังกล่าว
ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.facebook.com/NARITPage นายศุภฤกษ์ กล่าวปิดท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น