กรณีอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่รักษาตัวอยู่ รพ.มหาราชนครราชสีมา มานานจนต้องให้อาหารทางสายยางผ่านช่องจมูก จนเกิดภาวะสำลักและปอดติดเชื้อหลายครั้ง คณะแพทย์ รพ.ศิริราช และรพ.มหาราชนครราชสีมา มีข้อสรุปร่วมกันว่าต้องทำหัตถการเจาะท้องเปลี่ยนวิธีให้อาหารผ่านช่องท้อง แต่มีข้อโต้แย้งของคณะลูกศิษย์ว่าจะย้ายหลวงพ่อไปเจาะท้องที่ รพ.ศิริราช หรือจะให้ทีมแพทย์จาก รพ.ศิริราช มาเจาะให้ที่โคราช นั้น
เมื่อบ่ายวันที่ 5 ก.ย. ที่ห้องประชุมชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา นายระพี ผ่องบุกิจ ผวจ.นครราชสีมา พร้อมคณะแพทย์นำโดย นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา และคณะกรรมการวัดบ้านไร่ ลูกศิษย์หลวงพ่อคูณ นำโดย พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ ประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ ประชุมหาข้อยุติ และได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะเคลื่อนย้ายหลวงพ่อคูณไปทำหัตถการทางการแพทย์เจาะท้องที่ รพ.ศิริราช ในวันที่ 8 ก.ย.นี้ โดยประสานทีมแพทย์ รพ.ศิริราช ก่อนทำการเจาะช่องท้องในวันที่ 9 ก.ย. จากนั้นอีก 2-3 วัน จะย้ายหลวงพ่อคูณกลับมารักษาที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา เหมือนเดิม พร้อมประสานสำนักปฏิบัติการฝนหลวงนครราชสีมา เพื่อขอใช้เครื่องบินฝนหลวงเป็นพาหนะในการเดินทาง
นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ กล่าวว่า อาการโดยรวมถือว่าดีขึ้นน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 41 กก. น้ำในปอดและรอยโรคของวัณโรคหายหมดแล้ว แต่ยังต้องฉันยาวัณโรคต่อไป เคยถอดสายยางออกให้หลวงพ่อฉันเอง แต่ฉันได้ไม่เพียงพอ และสำลักทำให้ปอดติดเชื้อจึงกลับมาใส่สายยางทางช่องจมูกอีกครั้ง ซึ่งทีมแพทย์ รพ.ศิริราช แนะนำว่าให้เปลี่ยนมาเจาะท้องเพื่อให้อาหารทางสายยางผ่านช่องท้อง เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว หลังผ่าตัดช่องท้องที่ รพ.ศิริราชหากไม่มีอะไรแทรกซ้อนจะย้ายกลับมาพักฟื้นที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ในวันที่ 12 ก.ย. ซึ่งคณะแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าการเคลื่อนย้ายหลวงพ่อคูณไป รพ.ศิริราช ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะสภาพร่างกายท่านยังดีอยู่ ไม่ถึงขนาดต้องเคลื่อนย้ายแบบผู้ป่วยฉุกเฉิน ท่านสามารถนั่ง-นอนไปได้ โดยมีทีมแพทย์และอุปกรณ์ฉุกเฉินเดินทางไปด้วย การเดินทางโดยเครื่องบิน น่าจะดีกว่าเดินทางโดยรถยนต์ ไม่ทำให้หลวงพ่อบอบช้ำ
นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา กล่าวว่า การเจาะหน้าท้องหลวงพ่อคูณ ไม่ใช่ว่าไม่มีอันตราย การกระทำต่อร่างกายของคนไข้ที่อยู่ในวัยสูงอายุทุกอย่างมีอันตรายทั้งสิ้น การเจาะท้องจะใช้วิธีสอดสายยางพร้อมกล้องขนาดเล็กเข้าปากลงสู่กระเพาะอาหาร พาส่องกล้องหาตำแหน่งที่จะเจาะ จากนั้นจะใช้เข็มลวดเจาะผนังกระเพาะทะลุออกมาสู่ผนังช่องท้องด้านนอกจนเป็นแผล แล้วใส่สายยางอาหารทะลุเข้าไปสู่กระเพาะ อันตรายก็คือจะทำให้มีเลือดออก น้ำรั่วออกมาทางช่องท้อง และมีอาการเจ็บปวดที่ผิวผนังหน้าท้อง ขนาดของแผลจะเล็กมากไม่ถึง 0.5 ซม. ซึ่งการทำทุกขั้นตอนต้องใช้ยาชาเฉพาะจุด จะไม่ทำให้หลวงพ่อเจ็บมาก และมีทีมแพทย์ศิริราชทำให้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ขั้นตอนการทำใช้เวลาประมาณ 15-30 นาทีเท่านั้น หลังจากนั้น 3-5 วัน แผลก็จะหาย แล้วมีเนื้อเยื่อหุ้มสายยาง ซึ่งจะเป็นแค่ปุ่มเล็ก ๆ ไว้สำหรับใส่สายยางเวลาให้อาหารเท่านั้น และไม่ทำให้หลวงพ่อรำคาญ
พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ ประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ กล่าวด้วยว่า ลูกศิษย์หลายคนแสดงความเป็นห่วงว่าการเจาะหน้าท้องจะทำให้หลวงพ่ออาการทรุด ฉันข้าวฉันน้ำไม่ได้ เกรงจะเกิดสำลักขึ้นมาอีก แต่แพทย์ก็ยืนยันแล้วว่าเมื่อเจาะท้องแล้วหลวงพ่อสามารถฉันอาหารเองได้ ฉันน้ำได้ เพียงแต่อาจจะฉันได้เล็กน้อย จึงต้องให้อาหารทางสายยางผ่านช่องท้องให้เพียงพอ และโอกาสที่จะสำลักมีน้อยลง ทางคณะลูกศิษย์ก็สบายใจ เพราะการดูแลของคณะแพทย์จะช่วยให้หลวงพ่อดีขึ้น แข็งแรงขึ้น และกลับมาอยู่วัดบ้านไร่ได้เหมือนเดิม คณะกรรมการวัดฯเตรียมวางแผนจะจัดงานวันเกิดในโอกาสครบรอบ 88 ปี ในวันที่ 4 ต.ค. นี้ แต่คณะแพทย์แจ้งว่าหลวงพ่ออาจจะต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกายจนหายดี ไม่น่าจะหายทันงานวันเกิดในอีก 1 เดือนข้างหน้านี้ ดังนั้นจะทบทวนการจัดงานวันเกิดหลวงพ่ออีกครั้ง
ขณะที่บรรยากาศที่ รพ.มหาราชฯ มีประชาชนจำนวนมากเดินทางมากราบนมัสการเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจหลวงพ่อคูณ หลังทราบข่าวว่าจะมีการย้ายหลวงพ่อคูณไป รพ.ศิริราช ซึ่งหลวงพ่อกระซิบเบา ๆ กับลูกศิษย์คนใกล้ชิดว่า “...เออ จำได้ ๆ” ทั้งนี้เมื่อลูกศิษย์ถามหลวงพ่อคูณว่าแพทย์จะพาไปส่องกล้อง หลวงพ่อตอบว่า “...เออ ไม่ส่องดอก”
ด้าน ศ.คลีนิค นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า แนวทางการรักษาคณะแพทย์ได้จัดเตรียมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ โดยจะเน้นในเรื่องระบบทางเดินอาหาร รวมทั้งภาพรวมต่างๆ โดยจะร่วมกับทีมแพทย์จากรพ.มหาราชนครราชสีมา ช่วยกันวินิจฉัย เพื่อการรักษาที่ดีที่สุด.
เมื่อบ่ายวันที่ 5 ก.ย. ที่ห้องประชุมชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา นายระพี ผ่องบุกิจ ผวจ.นครราชสีมา พร้อมคณะแพทย์นำโดย นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา และคณะกรรมการวัดบ้านไร่ ลูกศิษย์หลวงพ่อคูณ นำโดย พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ ประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ ประชุมหาข้อยุติ และได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะเคลื่อนย้ายหลวงพ่อคูณไปทำหัตถการทางการแพทย์เจาะท้องที่ รพ.ศิริราช ในวันที่ 8 ก.ย.นี้ โดยประสานทีมแพทย์ รพ.ศิริราช ก่อนทำการเจาะช่องท้องในวันที่ 9 ก.ย. จากนั้นอีก 2-3 วัน จะย้ายหลวงพ่อคูณกลับมารักษาที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา เหมือนเดิม พร้อมประสานสำนักปฏิบัติการฝนหลวงนครราชสีมา เพื่อขอใช้เครื่องบินฝนหลวงเป็นพาหนะในการเดินทาง
นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ กล่าวว่า อาการโดยรวมถือว่าดีขึ้นน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 41 กก. น้ำในปอดและรอยโรคของวัณโรคหายหมดแล้ว แต่ยังต้องฉันยาวัณโรคต่อไป เคยถอดสายยางออกให้หลวงพ่อฉันเอง แต่ฉันได้ไม่เพียงพอ และสำลักทำให้ปอดติดเชื้อจึงกลับมาใส่สายยางทางช่องจมูกอีกครั้ง ซึ่งทีมแพทย์ รพ.ศิริราช แนะนำว่าให้เปลี่ยนมาเจาะท้องเพื่อให้อาหารทางสายยางผ่านช่องท้อง เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว หลังผ่าตัดช่องท้องที่ รพ.ศิริราชหากไม่มีอะไรแทรกซ้อนจะย้ายกลับมาพักฟื้นที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ในวันที่ 12 ก.ย. ซึ่งคณะแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าการเคลื่อนย้ายหลวงพ่อคูณไป รพ.ศิริราช ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะสภาพร่างกายท่านยังดีอยู่ ไม่ถึงขนาดต้องเคลื่อนย้ายแบบผู้ป่วยฉุกเฉิน ท่านสามารถนั่ง-นอนไปได้ โดยมีทีมแพทย์และอุปกรณ์ฉุกเฉินเดินทางไปด้วย การเดินทางโดยเครื่องบิน น่าจะดีกว่าเดินทางโดยรถยนต์ ไม่ทำให้หลวงพ่อบอบช้ำ
นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา กล่าวว่า การเจาะหน้าท้องหลวงพ่อคูณ ไม่ใช่ว่าไม่มีอันตราย การกระทำต่อร่างกายของคนไข้ที่อยู่ในวัยสูงอายุทุกอย่างมีอันตรายทั้งสิ้น การเจาะท้องจะใช้วิธีสอดสายยางพร้อมกล้องขนาดเล็กเข้าปากลงสู่กระเพาะอาหาร พาส่องกล้องหาตำแหน่งที่จะเจาะ จากนั้นจะใช้เข็มลวดเจาะผนังกระเพาะทะลุออกมาสู่ผนังช่องท้องด้านนอกจนเป็นแผล แล้วใส่สายยางอาหารทะลุเข้าไปสู่กระเพาะ อันตรายก็คือจะทำให้มีเลือดออก น้ำรั่วออกมาทางช่องท้อง และมีอาการเจ็บปวดที่ผิวผนังหน้าท้อง ขนาดของแผลจะเล็กมากไม่ถึง 0.5 ซม. ซึ่งการทำทุกขั้นตอนต้องใช้ยาชาเฉพาะจุด จะไม่ทำให้หลวงพ่อเจ็บมาก และมีทีมแพทย์ศิริราชทำให้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ขั้นตอนการทำใช้เวลาประมาณ 15-30 นาทีเท่านั้น หลังจากนั้น 3-5 วัน แผลก็จะหาย แล้วมีเนื้อเยื่อหุ้มสายยาง ซึ่งจะเป็นแค่ปุ่มเล็ก ๆ ไว้สำหรับใส่สายยางเวลาให้อาหารเท่านั้น และไม่ทำให้หลวงพ่อรำคาญ
พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ ประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ กล่าวด้วยว่า ลูกศิษย์หลายคนแสดงความเป็นห่วงว่าการเจาะหน้าท้องจะทำให้หลวงพ่ออาการทรุด ฉันข้าวฉันน้ำไม่ได้ เกรงจะเกิดสำลักขึ้นมาอีก แต่แพทย์ก็ยืนยันแล้วว่าเมื่อเจาะท้องแล้วหลวงพ่อสามารถฉันอาหารเองได้ ฉันน้ำได้ เพียงแต่อาจจะฉันได้เล็กน้อย จึงต้องให้อาหารทางสายยางผ่านช่องท้องให้เพียงพอ และโอกาสที่จะสำลักมีน้อยลง ทางคณะลูกศิษย์ก็สบายใจ เพราะการดูแลของคณะแพทย์จะช่วยให้หลวงพ่อดีขึ้น แข็งแรงขึ้น และกลับมาอยู่วัดบ้านไร่ได้เหมือนเดิม คณะกรรมการวัดฯเตรียมวางแผนจะจัดงานวันเกิดในโอกาสครบรอบ 88 ปี ในวันที่ 4 ต.ค. นี้ แต่คณะแพทย์แจ้งว่าหลวงพ่ออาจจะต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกายจนหายดี ไม่น่าจะหายทันงานวันเกิดในอีก 1 เดือนข้างหน้านี้ ดังนั้นจะทบทวนการจัดงานวันเกิดหลวงพ่ออีกครั้ง
ขณะที่บรรยากาศที่ รพ.มหาราชฯ มีประชาชนจำนวนมากเดินทางมากราบนมัสการเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจหลวงพ่อคูณ หลังทราบข่าวว่าจะมีการย้ายหลวงพ่อคูณไป รพ.ศิริราช ซึ่งหลวงพ่อกระซิบเบา ๆ กับลูกศิษย์คนใกล้ชิดว่า “...เออ จำได้ ๆ” ทั้งนี้เมื่อลูกศิษย์ถามหลวงพ่อคูณว่าแพทย์จะพาไปส่องกล้อง หลวงพ่อตอบว่า “...เออ ไม่ส่องดอก”
ด้าน ศ.คลีนิค นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า แนวทางการรักษาคณะแพทย์ได้จัดเตรียมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ โดยจะเน้นในเรื่องระบบทางเดินอาหาร รวมทั้งภาพรวมต่างๆ โดยจะร่วมกับทีมแพทย์จากรพ.มหาราชนครราชสีมา ช่วยกันวินิจฉัย เพื่อการรักษาที่ดีที่สุด.
แหล่งที่มาของข่าว
หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น