จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ขี้นเวทีเพื่อกล่าวถึงการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเปรียบเสมือนมะเร็งร้ายของสังคม ดังนั้น ทุกคนในสังคมต้องร่วมกันในการแสดงเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตคอร์มรัปชันทุกรูปแบบ เพื่อสร้างเป็นค่านิยมและวัฒนธรรมในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งมีความเป็นธรรมาภิบาลในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อสร้างเป็นภูมิคุ้มกันจิตใจไม่ให้ตกเป็นทาสของกระบวนการทุจริตคอร์รัปชัน จากนั้นจึงได้กล่าวนำปฏิญาณเพื่อรวมพลังต่อต้านคอร์รัปชันร่วมกัน ก่อนจะเดินนำขบวนรณรงค์พร้อมโบกธงชาติไทยต่อต้านคอร์รัปชั่นไปตามถถนสีลม
โดยกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นการร่วมงานและเผชิญหน้ากันแบบระยะประชิดเป็นครั้งแรกระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ นายอภิสิทธิ์ ทั้งนี้ ก่อนพิธีเปิดงาน นายอภิสิทธิ์ ได้นั่งเก้าอี้ร่วมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดย นายอภิสิทธิ์ ได้หารือถึงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วมพร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใจความสรุปว่า “ขณะนี้ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน ตนและพรรคประชาธิปัตย์ได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัย พบว่า ในหลายพื้นที่ยังมีน้ำท่วมสูงและมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้นอีก และยังได้รับการร้องเรียนจากประชาชน คือ ความเสียหายในพืชผลการเกษตรที่เกษตรกรสูญเสียผลผลิตทั้งหมด หรือจำเป็นต้องเก็บเกี่ยวข้าวหนีน้ำไปขายในราคาถูก อีกทั้งบางกรณีก็ไม่สามารถขายได้ ทำให้เกษตรกรเหล่านี้ไม่สามารถเข้าร่วม ถึงการจำนำข้าวของรัฐบาลและมีบางส่วนจะไม่ได้รับเงินชดเชย 2,222 บาทต่อไร่ จึงขอเรียกร้องให้นายกฯ และรัฐบาลได้ทบทวนการปฎิเสธการจ่ายเงินส่วนต่างในโครงการประกันรายได้ให้กับเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว โดยรัฐบาลอาจปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริงกับพี่น้องประชาชน โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับหนังสือพร้อมรับปากว่าจะดูและให้โดยได้สั่งการให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ไปพิจารณา
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการร่วมกิจกรรม นายอภิสิทธิ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แทบจะไม่ได้มองหน้ากัน รวมทั้งขณะที่เดินรณรงค์ไปตามถนนสีลมนั้น แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอภิสิทธิ์จะต้องเดินเรียงแถวอยู่ในระนาบเดียวกัน แต่ทั้งสองกลับเดินอยู่ในระยะที่ค่อนข้างห่างกัน และไม่มีการพูดคุยในระหว่างทาง ซึ่งนายอภิสิทธิ์ จะเน้นไปโบกมือและทักทายกับประชาชนที่อยู่บริเวณนั้นมากกว่า และมักจะได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน โดยประชาชนได้ส่งเสียงให้กำลังใจและส่งเสียงกรี๊ดทักทายนายอภิสิทธิ์ เป็นระยะๆ บางส่วนก็เข้ามารุมถ่ายรูป ซึ่งเป็นที่สังเกตุว่านายอภิสิทธิ์ จะได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนในย่านสีลมมากกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์
ทั้งนี้ เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ติดภารกิจที่จะต้องเดินทางไปตรวจน้ำท่วมที่ จ.ลพบุรี จึงได้ปลีกตัวออกจากขบวนไปก่อนในช่วงครึ่งทาง ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ และบรรดาสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และประชาชนที่มาร่วมงาน ยังคงเดินรณรงค์ต่อไปจนครบรอบ ซึ่งก็ได้รับเสียงกรี๊ดเสียงปรบมือทักทายให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ ตลอดเส้นทาง
ด้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการพูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ตนได้ฝากเรื่องของการช่วยเหลือเกษตรกร เพราะมีเกษตรกรจำนวนมากไม่สามารถที่จะได้รับการช่วยเหลือจากโครงการรับจำนำข้าวได้ ตัวอย่างเช่น พื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ที่ถูกน้ำท่วมพืชผลเสียหายจนต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตหนีน้ำทำให้ต้องไปขายในราคาถูก หรือเก็บเกี่ยวและขายไม่ได้หรือจำนวนน้อยเกินไป ซึ่งคนเหล่านี้เขาเคยได้รับเงินส่วนต่างจากโครงการประกันรายได้ก็ร้องเรียนมาอยากให้ช่วยติดตามตนจึงได้ฝากเรื่องพร้อมยื่นหนังสือกับนายกฯไปและบอกว่า เราไม่ติดใจว่าจะยกเลิกโครงการประกันรายได้หรือไม่แต่อย่างน้อยที่สุดการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรที่เขาจะได้ละได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้วก็อยากให้รัฐบาลดำเนินการ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้บอกว่า จะให้ นายกิตติรัตน์ ไปดู
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการระบุจังหวัดหรือไม่ว่าจะให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงไปดูในพื้นที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นเพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ตนเดินทางไปทุกจังหวัดก็จะมีเกษตรกรมาร้องเรียนในเรื่องนี้ เพราะครั้งที่แล้วเขาเคยได้เงินช่วยเหลือครอบครัวละ 5,000 บาทและได้รับการช่วยเหลือไร่ละ 2,000 บาท ทั้งนี้ เกษตรกรก็ได้รับการช่วยเหลือทั้งสองอย่าง แต่คราวนี้เขาไม่ได้รวมทั้งเรื่องพันธุ์ข้าว เพราะโครงการจำนำเกษตรกรหลายคนไม่มีข้าวจะไปจำนำ แม้โครงการจะขยายเวลาไปถึงวันที่ 1 ก.พ.2555 แต่ถ้าสภาพน้ำท่วมยังเป็นอยู่ปัจจุบันก็ไม่ได้หมายความว่าเกษตรกรจะสามารถปลูกข้าวได้ทัน ต้องรอน้ำลดและเริ่มปลูกข้าวใหม่แต่โครงการประกันรายได้เนื่องจากเป็นโครงการที่เริ่มไว้ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วเกษตรกรก็คาดหวังว่าจะได้เงินส่วนต่าง
“ตอนนี้รัฐบาลจะมีการเปิดโครงการรับจำนำข้าวในวันที่ 7 ต.ค.แต่ขณะนี้ข้าวไม่ได้อยู่ในมือเกษตรกร เพราะเกษตรกรรีบขายไปเยอะแล้วเนื่องจากนำท่วม คำถามคือ ข้าวที่จะเข้าโครงการจับนำ จะเป็นข้าวของเกษตรกรจริงหรือไม่ รัฐบาลเตรียมมาตรการป้องกันไม่ให้มีการสวมสิทธิ์โดยพ่อค้า โรงสีที่ซื้อข้าวไปแล้วหรือไม่ จะป้องกันคนเอาข้าวจากประเทศเพื่อนมานำเข้ามาจำนำได้หรือไม่
เมเนเจอร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น