<<<<<..... ลักษณะอากาศทั่วไป วันนี้ ( 20 มกราคม 2567 ) เวลา 06.00 น. วันนี้ถึง 06.00 น.ของวันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ....ตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาค อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่ อัปเดตนิวส์ รายงาน. แหล่งที่มาของข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา - https://www.tmd.go.th/thailand.php .....................................................>>>>

พ่อเมืองเชียงใหม่ตรวจติดตามความเรียบร้อยพระเมรุมาศจำลอง ภายหลังดำเนินการแล้วเสร็จ



พ่อเมืองเชียงใหม่ตรวจติดตามความเรียบร้อยพระเมรุมาศจำลอง ภายหลังดำเนินการแล้วเสร็จ เตรียมตกแต่งพื้นที่และรายละเอียดด้านต่างๆ ในการประกอบราชพิธีฯ โดยการตกแต่งเน้นความเป็นล้านนา และดอกไม้สีเหลืองให้เต็มพื้นที่ โดยเฉพาะดอกดาวเรืองกว่า 6 หมื่นต้นมาตกแต่งคาด 20 ตค.นี้จะแล้วเสร็จทั้งหมด

นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาตรวจการก่อสร้างพระเมรุมาศจำลอง ณ  ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ จุดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ ของจังหวัดเชียงใหม่ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ  การก่อสร้างแล้วเสร็จ 100 %  ส่วนการตกแต่งพื้นที่โดยรอบขณะนี้จัดเตรียมพรรณไม้ต่างๆ โดยเฉพาะดอกดาวเรืองกว่า 6 หมื่นต้น ที่เตรียมนำมาตกแต่งให้แล้วเสร็จ คาดจะเสร็จสิ้นทั้งหมดวันที่ 20 ตุลาคมนี้ 
สำหรับสถานที่เผาดอกไม้จันทน์ จะอยู่ในบริเวณศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ โดยตั้งอยู่ห่างจากพระเมรุมาศจำลอง 100 เมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการแกะแบบก่อสร้าง และเริ่มดำเนินการก่อสร้างฐานราก ซึ่งจะทำตามรูปแบบของกรมโยธาธิการและผังเมือง มีขนาดฐานราก 8 × 8 เมตร ขนาดของเตาเผา 1.20 × 2.40 เมตร
ส่วนการตกแต่งลายละเอียดต่างๆ คงเน้นดอกไม้สีเหลือง และความเป็นล้านนาให้มากที่สุด ให้มีความสวยงามงดงาม ในพื้นที่การจัดงานพระราชพิธีฯ ถวายดอกไม้จันทน์ ของจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนวันที่ 24 ตุลาคมจังหวัดเชียงใหม่จะจัดพิธีซ้อมใหญ่เพื่อเตรียมความพร้อมอีกครั้ง 
กมล เครือนิล ทีมข่าว"ที่นี่....เชียงใหม่" Fast News สำนักข่าว เชียงใหม่อัเดตนิวส์ รายงาน







ประธานชมรมรักวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ นายเฉลิม สารแปง ยื่นหนังสื่อต่อผู้ว่าฯกรณี การปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน


ประธานชมรมรักวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ นายเฉลิม สารแปง ยื่นหนังสื่อต่อนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอให้ทางหน่วยงานราชการจังหวัดเชียงใหม่ สนับสนุนการจัดงานประเพณียี่เป็งเมืองเชียงใหม่ อนุญาตให้มีการปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน ผู้ว่าย้ำ ไม่ได้ห้ามแต่ต้องปฎิบัติตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 6 ต.ค.2560 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายเฉลิม สารแปง ประธานชมรมรักวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายพิพานพง วงค์วัจนสุนทร ผู้ทรงคุณวุฒิสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่,พ.จ.ท.สาคร ปีกอง ผู้จัดการงานควบคุมจราจรทางอากาศยาน(เขตประชิดสนามบินภูมิภาค)ศูนย์ควบคุมการบินเชียงใหม่ บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และคณะ ได้เข้ายื่นหนังสื่อต่อนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอให้ทางหน่วยงานราชการจังหวัดเชียงใหม่ สนับสนุนการจัดงานประเพณียี่เป็งเมืองเชียงใหม่ อนุญาตให้มีการปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน และให้มีการงดการบินในห้วงเวลาดังกล่าว และมาตรฐานในการผลิตและจำหน่ายโคมลอย โคมไฟ หรือว่าวไฟที่เหมาะสม
 นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเมืองที่มีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม ในช่วงเทศกาลเดือนยี่เป็งของทุกปี ตั้งแต่วัน2-3 พ.ย.ของทุกปี จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ จำนวนมากในช่วงเทศกาลงานประเพณียี่เป็ง ดังนั้นตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 27/2559 เรื่องมาตรการป้องกันเหตุและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2559 ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดทำประกาศจังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นใน มาตรการป้องกันและการรักษาความปลอดภัย และการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนในการจุดแบะปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม)หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ขึ้นไปสู่อากาศ ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2559 ซึ่งผ่านความเห็นชอบร่วมกันของคณะกรรมการจังหวัดเชียงใหม่ และสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.2559 
ห้ามมิให้ผู้ใด จุดและปล่อย หรือกระทำการใด หรือโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม) หรือวัตถุใดที่คล้ายคลึงกัน ขึ้นไปสู่อากาศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายอำเภอแห่งท้องที่ และได้ปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ในประกาศของจังหวัดเชียงใหม่ ,ผู้ใดจุดและปล่อย หรือกระทำอย่างใด เพื่อให้โคมไฟ โคมลอย โคมควัน(ว่าวฮม)หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ขึ้นไปสู่อากาศ ได้มีการกำหนดให้กระทำได้ในห้วงระยะเวลา 3 วัน คือตั้งแต่วันที่ 2 -3 พ.ย. ให้กระทำได้ในวันลอยกระทง (กระทงเล็ก) ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทยของทุกปี โดยให้จุดและปล่อยตั้งแต่เวลา 19.00 น.ถึงเวลา 01.00 น.ของวันถัดไป ยกเว้น เฉพาะการปล่อยโคมควัน(ว่าวฮม)ให้กระทำการจุดและปล่อยตั้งแต่เวลา 10.00 น.ถึงเวลา 12.00 น. (ปี พ.ศ.2560 ตรงกับวันที่ 3 พ.ย.2560 ) และให้กระทำในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ของทุกปี (กระทงใหญ่)โดยให้จุดและปล่อยตั้งแต่เวลา 19.00 น.ถึงเวลา 01.00 น.ของวันถัดไป (ปี พ.ศ.2560 ตรงกับวันที่ 4 พ.ย.2560) และให้กระทำได้ในเทศกาลส่งท้ายปีเก่า – ต้อนรับปีใหม่ ในช่วงคืนวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี โดยให้จุดและปล่อยตั้งแต่เวลา 19.00 น.ถึง 01.00 น.ของวันถัดไป 
ทางด้านนายเฉลิม สารแปง ประธานชมรมรักวัฒนธรรมเชียงใหม่ กล่าวว่า จากการที่ตนเองพร้อมคณะได้เข้าพบและยื่นหนังสือต่อท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขออนุญาตปล่อย โคมลอย โคมไฟ โคมควัน(ว่าวฮ่ม) ในช่วงงานเทศกาลประเพณียี่เป็ง ระหว่างวันที่ 2-3 พ.ย.2560 ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ได้รับหนังสือขออนุญาต ดังกล่าวแล้ว โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้การสนับสนุนการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ สนับสนุนการจัดงานประเพณียี่เป็ง หรืองานลอยกระทง และได้ตักเตือนหน่วยงานทั้งของภาครัฐ เอกชน ที่มีการจุดและปล่อยโคมไฟ โคมลอย โคมควัน(ว่าวฮม)ให้ระมัดระวังในเรื่องของความปลอดภัย การเกิดไฟไหม้ บ้านเรือน อาคาร สถานที่ต่างๆ ต้องมีการวางแผนป้องกันเหตุทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน  และนักท่องเที่ยว ทั้งนี้จังหวัดเชียงใหม่ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมในช่วงงานประเพณียี่เป็ง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ ของชาวเชียงใหม่ อีกด้วย.
กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" Fast News สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน




กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 จัดประชุมWhat’s next of The Smart City for Aging Tourism



กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 จัดประชุม 
“What’s next of The Smart City for Aging Tourism?”
ในโครงการ “เมืองอัจฉริยะสำหรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุในภาคเหนือตอนบน 1  
(The Smart City for Aging Tourism in Upper North 1 Thailand)”

 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1  จัดประชุม “What’s next of The Smart City for Aging Tourism?”  ในโครงการ “เมืองอัจฉริยะสำหรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุในภาคเหนือตอนบน 1  (Smart City for Aging Tourism in Upper North 1 Thailand)”  ระหว่างวันที่  5 - 6 ตุลาคม 2560​ณ โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่  โดยได้รับเกียรติจากนายกฤษณ์  ธนาวณิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  เป็นประธานในการแถลงข่าว
โครงการเมืองอัจฉริยะสำหรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุในภาคเหนือตอนบน 1 (Smart City for Aging Tourism in Upper North 1 Thailand) เป็นโครงการที่สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดทำขึ้น   โดยทำการศึกษาบทเรียน Smart City for Aging Tourism ของทั่วโลก และนำมาปรับใช้กับจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 อันประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่  แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน   เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการท่องเที่ยวของแหล่งท่องเที่ยวผู้สูงอายุ พร้อมทั้งจัดทำฐานข้อมูลและเว็บเซอร์วิสของระบบสนับสนุนการตัดสินใจในการบริหารจัดการเส้นทางการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 สำหรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ เพื่อมุ่งประโยชน์ในด้านการพัฒนาบริการด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ เทคโนโลยีสารสนเทศและสิ่งบริการ อีกทั้งเป็นการเพิ่มและกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับประชาชนในภาคเหนือตอนบน 1   และเพื่อให้การศึกษาสนับสนุนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้มากที่สุด โครงการเมืองอัจฉริยะสำหรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุในภาคเหนือตอนบน 1 (Smart City for Aging Tourism in Upper North 1 Thailand) จึงได้จัด “ประชุมนำเสนอบทเรียน Smart City for Aging Tourism” ขึ้น ระหว่างวันที่  5 - 6 ตุลาคม 2560​ณ โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว
 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่   เพื่อนำเสนอบทเรียนผ่านการศึกษาทบทวน Smart City for Aging Tourism ที่มีทั่วโลกทั้งในทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป ทวีปเอเซีย ภูมิภาคอาเซียน และประเทศไทย การนำเสนอแนวคิดของคนในท้องถิ่นจากผลการจัดเวทีสาธารณะ Smart City for Aging Tourism และนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุต่อเมืองอัจฉริยะในจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน) ให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและประชาชนที่สนใจ เพื่อความเข้าใจการจัดการเมืองแบบอัจฉริยะและการจัดการการท่องเที่ยวสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อการจัดการการท่องเที่ยวที่ดีมีประสิทธิภาพ และเพื่อการพัฒนาให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอัจฉริยะสำหรับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุในอนาคตต่อไป
สำหรับเมืองอัจฉริยะหรือ Smart City เป็นหนึ่งในแนวคิดที่สามารถนำมาช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวของผู้สูงอายุได้ เนื่องจาก Smart City คือ เมืองที่ได้รับการออกแบบ โดยให้ความสำคัญในสามองค์ประกอบหลัก คือ การพัฒนารูปแบบและโครงสร้างของเมืองที่สอดรับกับแนวคิดของเมืองอัจฉริยะ การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ประกอบกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ และข้อมูลมาช่วยในการบริหารจัดการทรัพยากรของเมืองเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ระบบบริหารจัดการเครือข่ายพลังงานอัจฉริยะ ที่เรียกว่า Smart Grid ระบบมิเตอร์อัตโนมัติ ระบบควบคุมการจราจรอัจฉริยะ ระบบควบคุมอาคารอัจฉริยะ และระบบตรวจวัดมลภาวะ เป็นต้น   ทั้งนี้ ภาคเหนือตอนบน 1 เป็นกลุ่มจังหวัดที่มีภูมิประเทศที่สวยงามและภูมิอากาศดี เย็นสบาย มีทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย มีอัตลักษณ์ ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของล้านนา มีความแตกต่างทางชาติพันธุ์ มีประวัติศาสตร์ล้านนาอันยาวนาน  จึงทำให้มีเมืองต่างๆ และแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวและพักผ่อนมากมาย   ซึ่งสามารถจัดทำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุในแต่ละช่วงวัยได้  และกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุนี่เองที่เป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจด้านการท่องเที่ยว และเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง  ซึ่งจะสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ได้เป็นอย่างดี
กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" Fast News สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน