<<<<<..... ลักษณะอากาศทั่วไป วันนี้ ( 20 มกราคม 2567 ) เวลา 06.00 น. วันนี้ถึง 06.00 น.ของวันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ....ตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาค อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่ อัปเดตนิวส์ รายงาน. แหล่งที่มาของข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา - https://www.tmd.go.th/thailand.php .....................................................>>>>

พระบรมฯทรงรับขึ้นทรงราชย์เป็นกษัตริย์รัชกาลที่10



ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กราบบังคมทูลอัญเชิญ องค์รัชทายาท เสด็จ ฯ ขึ้นทรงราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่10
สถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เผยแพร่ภาพพิธีกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์ใหม่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ภายในพระบรมมหาราชวัง โดยมี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา เข้าเฝ้าฯ 
โดย นายพรเพชร ประธาน สนช. เป็นผู้กราบบังคมทูลอัญเชิญองค์รัชทายาท เสด็จ ฯ ขึ้นทรงราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์ และทรงมีพระราชดำรัสตอบรับการขึ้นทรงราชย์เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก่อนที่ พล.อ.เปรม จะกล่าวถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และ ประธาน สนช. และ นายรัฐมนตรี มีแถลงการณ์ต่อประชาชน จากนั้นได้มีการประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธย เป็น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ประกาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต






แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ประกาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต เวลา 15.52 น. สิริพระชนมพรรษา 89
ประกาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2557 ตามที่ สำนักพระราชวัง ได้แถลงให้ทราบ
เป็นระยะแล้วนั้น

แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับ ถึงวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิราราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองพระราชสมบัติได้ 70 ปี


สำนักพระราชวัง
13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559

พ่อเมืองเชียงใหม่ขึ้นดอยปุยให้กำลังใจเด็กหญิงสองพี่น้องชาวม้งดอยปุย-ยันเป็นผู้บริสุทธิ์กรณีถูกแหม่มสาวกล่าวหา



 พ่อเมืองเชียงใหม่ ขึ้นดอยปุยเยี่ยมเด็กหญิงสองพี่น้องชาวม้งดอยปุย ที่ถูกแหม่มสาวกล่าวหาขโมยนาฬิกาบนดอยสุเทพ ยืนยันความจริงปรากฏแล้วว่าเด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ พร้อมมอบเงินปลอบขวัญเป็นทุนการศึกษาและเตรียมปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักให้ ขณะเดียวกันจะประสานทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกระทรวงต่างประเทศเพื่อหารือและชี้แจงข้อเท็จจริง ด้านเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพ รับให้กลับไปแต่งชุดประจำเผ่าถ่ายรูปที่ระลึกได้ตามเดิม 

จากกรณีสื่อออนไลน์ในประเทศอังกฤษมีการนำเสนอข่าวว่านักท่องเที่ยวหญิงชาวอังกฤษได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพถ่ายลงในสื่อสังคมออนไลน์ระบุว่ามาเที่ยววัดพระธาตุดอยสุเทพ ที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วถ่ายภาพกับเด็กผู้หญิงชาวเขาเผ่าม้งสองคนที่แต่งกายชุดประจำเผ่า ต่อมาปรากฏว่านาฬิกาข้อมือได้หายไป โดยเชื่อว่าเป็นฝีมือของเด็กหญิงทั้งสองคนที่ขโมยไป ซึ่งก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ อย่างไรก็ตามต่อมาความจริงเริ่มปรากฏว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยที่นักท่องเที่ยวหานาฬิกาพบแล้ว แต่กลับไม่มีการนำเสนอข่าวความคืบหน้าเพื่อให้เด็กพ้นข้อกล่าวหา
ช่วงเย็นของวันที่ 6 ต.ค.59 นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่บ้านดอยปุย หมู่ที่ 11 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่เพื่อตรวจเยี่ยมเด็กหญิงชาวม้งสองพี่น้องและครอบครัว  โดยได้กล่าวกับพ่อแม่ของเด็กว่า ขณะนี้ได้มีการยืนยันแล้วว่า เด็กทั้งสองคนเป็นผู้บริสุทธิ์ พ้นจากข้อกล่าวหา ซึ่งหลังจากเกิดเรื่อง ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้ประสานไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงการต่างประเทศเพื่อชี้แจงและหารือในเรื่องดังกล่าว และขณะนี้เป็นที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า นักท่องเที่ยวหญิงชาวอัง กฤษคนนั้นได้หานาฬิกาที่หายไปพบแล้ว ซึ่งสร้างความดีใจให้กับพ่อแม่ของเด็กทั้งสองเป็นอย่างมาก จากนั้นได้มอบเงินปลอบขวัญเพื่อเป็นการเยียวยาทางด้านจิตใจให้แก่เด็กทั้งสองคนไว้เป็นทุนการศึกษา พร้อมทั้งนำเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจบ้านพักอาศัย ซึ่งพบว่าอยู่กันอย่างแออัด จึงจะได้เสนอเข้าโครงการหมู่บ้านกาชาด เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป
นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้แจ้งว่า พระเทพวรสิทธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพ ราชวรวิหาร อนุญาตให้ เด็กชาวเขากลับไปทำงานหารายได้พิเศษ ด้วยการแต่งชุดชนเผ่าถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวได้เช่นเดิม หลังพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้สร้างความเสียหายแก่นักท่องเที่ยวจริง เพราะกิจกรรมดังกล่าวเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว แต่จะต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อจัดระเบียบให้ดีขึ้น เพื่อให้เป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวขอจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป.

กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน










สวนสัตว์เชียงใหม่ได้สมาชิกใหม่ กระเรียนหงอนพู่ หรือนกกระเรียนมงกุฏเทา



ยินดีกับความสำเร็จของสวนสัตว์เชียงใหม่ได้สมาชิกใหม่  กระเรียนหงอนพู่ หรือนกกระเรียนมงกุฏเทา จำนวน 2 ตัว เพิ่มขึ้นเป็น 13 ตัว หลังจากเพาะขยายพันธุ์มานาน พร้อมเปิดให้ได้ชมความน่ารักโดยเฉพาะเด็กๆ ช่วงปิดเทอมได้เห็นของจริง ยัง สวนชมนกนครพิงค์นกประจำชาติของประเทศยูกันดา 

นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เผยว่าช่วงสายของวันนี้  ได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ ได้พบลูกนกกระเรียนหงอนพู่ หรือนกกระเรียนมงกุฏเทา  เพิ่มอีก 2 ตัว กำลังอยู่กับพ่อและแม่ อยู่จุดแสดงบริเวณทางเข้าสวนชมนกนครพิงค์ ตรวจสอบ เบื้องต้นสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดีแต่ยังไม่ทราบเพศ นับว่าเป็นเป็นความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์นกกระเรียนหงอนพู่ของสวนสัตว์ เชียงใหม่ใน ทำให้ขณะนี้สวนสัตว์เชียงใหม่มีนกชนิดนี้รวมทั้งสิ้น 13 ตัว จากเดิมมี 11 ตัว โดยจะเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเด็กในช่วงปิดเทอมนี้ เข้าไปชมความน่ารักของลูกนกทั้งสอง และฝูงนกกระเรียนหงอนพู่  บริเวณทางเข้าสวนชมนกนครพิงค์
สำหรับนกกระเรียนหงอนพู่หรือนกกระเรียนมงกุฎเทา (Grey crowned crane) เป็นนกในวงศ์นกกระเรียน พบในทุ่งหญ้าสะวันนาในทวีปแอฟริกาทางใต้ของทะเลทรายซาฮารา ทำรังในพื้นที่เปียกชื้น ไม่ใช่นกอพยพ   ลักษณะลำตัวถือเป็นนกขนาดใหญ่ บนหัวมีหงอนพู่เป็นเส้นตรงสีขาวนวล โคนหงอนอยู่ตรงท้ายทอยเป็นกระจุก ปลายบานออกเป็นทรงกลม หน้าผากถึงโคนจมูกมีขนละเอียดสีดำสนิทเป็นก้อนเหมือนกำมะหยี่ แก้มทั้งสองข้างเป็นหนังสีแดงมีแต้มขาวอยู่ตอนบน คอ หน้าอก หลัง หาง และท้องสีดำปีกครึ่งหน้าสีขาว ครึ่งหลังสีน้ำตาลแดง ปลายปีกดำ ขายาวสีเทาแก่ทั้งสองเพศมีลักษณะคล้ายกัน เพศผู้ตัวใหญ่กว่าเล็กน้อย   นกวัยอ่อนมีสีเทามากกว่านกที่โตเต็มวัย กับมีขนสีน้ำตาลอมเหลืองที่หน้า ด้านพฤติกรรมนั้น มีการจับคู่ผสมพันธุ์ที่ประกอบไปด้วยการเต้นรำ การก้มตัว และการกระโดด มันเปล่งเสียงร้องจากการขยายตัวของถุงลมสีแดงที่คอ ทำให้เสียงร้องของมันต่างจากเสียงคล้ายแตรของนกกระเรียนชนิดอื่น
นอกจากนี้ ยังเป็นนกที่มีสายตาไกล และไวมาก ชอบอยู่เป็นฝูง หากินตามทุ่งกว้างที่มีน้ำและกอหญ้าหรือบึงหนองในป่าที่ห่างไกลผู้คน นกกระเรียนหงอนพู่ต่างกับนกกระเรียนชนิดอื่นตรงที่มันอาจบินไปเกาะตามกิ่ง ไม้สูงๆ การสร้างรังจะสร้างจากหญ้าและพืชอื่นๆ ในพื้นที่ชุ่มน้ำ
 นกกระเรียนมงกุฎเทาวางไข่ครั้งละ 2-5 ฟอง พ่อและแม่ช่วยกันฟักไข่และใช้เวลา 28-31 วันจึงฟักเป็นตัว ลูกนกขนจะขึ้นเต็มที่ใน 56-100 วัน มีความสูงประมาณ 1 เมตร หนัก 3.5 กิโลกรัม ขนลำตัวเป็นสีเทา ปีกมีสีขาวเด่น ที่หัวมีพู่ขนแข็งสีทอง แก้มสีขาวมีถุงลมที่คอสีแดง ปากสั้นสีเทา และขาสีดำ   นกกระเรียนหงอนพู่กินเมล็ดพืช ผัก ผลไม้ หอย ปู ปลา และแมลงต่างๆ ที่ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นอาหาร อีกทั้งยังเป็นนกประจำชาติของประเทศยูกันดา ปรากฏอยู่ในธงชาติและตราแผ่นดินด้วย นกกระเรียนมงกุฎเทามี 2 ชนิดย่อยคือ ชนิดย่อยแอฟริกาตะวันออก (B. r. gibbericeps, นกกระเรียนจุก) พบจากทางตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกถึงประเทศยูกันดา และประเทศเคนยาถึงทางตะวันออกของประเทศแอฟริกาใต้ มันมีพื้นที่หนังเปลือยสีแดงบนหน้าเหนือแต้มสีขาวขนาดใหญ่ใหญ่กว่าอีกชนิดย่อย B. r. regulorum (นกกระเรียนมงกุฎแอฟริกาใต้) พบจากประเทศแองโกลาลงใต้ถึงประเทศแอฟริกาใต้ สำหรับในประเทศไทย นกกระเรียนมงกุฎเทามีจัดแสดงที่สวนสัตว์เชียงใหม่ นับเป็นความสำเร็จในเวลาหลายปีของการขยายพันธุ์ในครั้งนี้

กมล เครือนิล สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน











พวกมักง่ายนำขยะทิ้งนอกบ่อขยะ สร้างปัญหามลพิษด้านหลังวิทยาลัยอาชีพจอมทองเชียงใหม่


สุดมักง่ายชาวบ้านและผู้ประกอบการแอบทิ้งขยะข้างวิทยาลัยอาชีพจอมทองกว่า 10 จุดส่งกลิ่นเหม็นหึ่งแมลงวันตอมจากการสังเกตมีทั้งเศษผัก เศษอาหาร และเศษวัสดุก่อสร้าง สร้างความเดือดรอนให้กับชาวบ้านและนักเรียนที่อาศัยอยู่ใกล้กับริเวนดังกล่าว 

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณถนนข้างวิทยาลัยการอาชีพจอมทองเป็นทางเข้าวัดพระธาตุดอยพระเจ้า หมู่บ้านพรสวรรค์ หมู่ที่ 15 ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับชาวบ้านรายหนึ่งที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาขยะที่มีคนแอบนำมาทิ้งข้างทางถนนสายดังกล่าวมาเป็นเวลานานับ 10 ปี สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านและนักศึกษาในวิทยาลัยการอาชีพอำเภอจอมทอง เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นกลิ่นขยะและแมลงวันที่มาตอมขยะ ซึ่งอยู่ห่างจากชุมชน วิทยาลัยการอาชีพจอมทอง และค่ายลูกเสือแห่งชาติ อำเภอจอมทอง ไม่กี่ร้อยเมตร โดยจากการสังเกตพบว่ากองขยะในเส้นทางดังกล่าวเป็นจุดๆตั้งแต่ทางเข้าไปตามถนนใกล้เคียงกับบ่อขยะรวมทั้งหมดประมาณ 10 จุด โดยขยะที่พบส่วนใหญ่จะเป็นเศษผัก เศษอาหาร รวมถึงขยะทั่วไปและเศษวัสดุก่อสร้าง คาดว่าจะเป็นขยะจากต่างพื้นที่ ที่ผู้ประกอบการรับจ้างกำจัดขยะ พ่อค้าเกษตรกรผู้ปลูกผัก ตลอดจนผู้ประกออบการรับเหมาก่อสร้างสวมรอยมาทิ้งบริเวณดังกล่าว เนื่องจากบริเวณใกล้กันมีบ่อขยะของเทศบาลตำบลจอมทองและองค์การบริหารส่วนตำบลข่วงเปา รวมทั้งหมด 2 บ่อแต่จะเปิด ปิดเป็นเวลาและมีคนเก็บขยะในบ่อเฝ้าตลอด ทำให้มีการสวมรอยนำขยะมาทิ้งใกล้บริเวณดังกล่าวช่วงกลางคืนประกอบกับบริเวณดังกล่าวเป็นป่าละเมาะและมีทางเข้าออกหลายด้านทำให้สะดวกต่อการแอบนำขยะมาทิ้งและยากลำบากต่อการเฝ้าจับตาของเจ้าหน้าที่ โดยก่อนหน้านี้มีการจับกุมคนที่นำเอาขยะมาทิ้งและถูกปรับโดยคณะกรรมการหมู่บ้านพรสวรรค์ มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังมีการนำขยะมาทิ้งบริเวณดังกล่าวอยู่ตลอด

ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน 






ทะเลสาบดอยเต่าฟื้นคืนชีพหลังแล้งกว่า 4 ปี


ฝนตกน้ำเหนือไหลลงเขื่อนภูมิพลส่งผลให้ทะเลสาบดอยเต่าฟื้นคืนชีพอีกครั้งหลังจากประสบปัญหาภัยแล้งนานกว่า 4 ปี ส่วนผู้ประกอบการร้านอาหารเรือนแพ ต่างเปิดบริการให้กับนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันเริ่มมีมักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวบ้างแล้วถึงแม้ปริมาณน้ำจะไม่มากเหมือนสมัยก่อน นอกจากนี้ชาวประมงในพื้นที่เริ่มนำเรือออกมาหาปลากลางลำน้ำปิงสร้างรายได้

ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ปริมาณลำน้ำสาขาของแม่น้ำปิงเพิ่มขึ้นมากส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลเพิ่มสูงขึ้นทำให้เกิดผลดีกับทะเลสาบดอยเต่า หลังจากประสบภัยแล้งมานานกว่า 4 ปี ซึ่งจากข้อมูลของชลประทานจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงนี้มีน้ำไหลลงเขื่อนภูมิพล ช่วงนี้ วันละ 15-16 ล้าน ลูกบาศก์เมตร ถึงแม้ปริมาณน้ำจากไม่มากเหมือนอดีตที่เป็นเวิ้งแม่น้ำกว้างไกลสุดลูกตา แต่น้ำเหนือปริมาณมากก็ไหลลงทางตัวเขื่อนตลอดเวลา ทำให้เกิดเป็นเวิ้งแม่น้ำขนาดใหญ่ บริเวณดังกล่าว ส่วนผู้ประกอบการแพนำเที่ยวต่างซ่อมแซมแพนำเที่ยวของตนแล้วมาเปิดบริการนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากปริมาณน้ำเริ่มมากและนักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาท่องเที่ยว ขณะเดียวกันชาวประมงในพื้นที่เริ่มนำเรือหาปลาที่จอดไว้นานกว่า 4 ปี ออกมาหาปลาตามลำน้ำปิง เพื่อนำไปขายให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อถึงที่
ด้านนางพร้อมพรรณ นันต๊ะสาร ชาวบ้านแปลง 5 หมูที่ 3 ตำบลท่าเดื่อ อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ประกอบการแพนำเที่ยว เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนักส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลลดลงจนทำให้ผู้ประกอบการแพนำเที่ยวต้องหยุดให้บริการมานานกว่า 4 ปี หลังจากปริมาณน้ำในแม่น้ำปิง เริ่มมากก็เริ่มซ่อมแซมแพนำเที่ยวทั้งหมดที่เหลือ 3 ลำส่วนอีก 3 ลำได้รับความเสียหายจากการที่แพเกยตื้นอยู่บนบกเป็นเวลานาน หลังจากนั้นได้เปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวด้านที่พักและอาหารได้ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ยังไม่มีบริการทำเที่ยวไปเขื่อนภูมิพล เนื่องจากปริมาณน้ำยังมีไม่มากพอคงต้องรออีกสักพัก
สำหรับทะเลสาบดอยเต่า เป็นพื้นที่น้ำท่วมหลังการสร้างเขื่อนภูมิพล ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่เหนือเขื่อนภูมิพล เป็นพื้นที่การเกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์ และทำประมง แต่เนื่องจากภูมิประเทศที่สวยงามเหมาะกับการท่องเที่ยวที่นี่จึงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว ทำให้ผู้ประกอบการจัดบริการแพนำเที่ยวและเรือนำเที่ยวไปยังเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก จนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในอดีต ส่วนการเดินทางจากเชียงใหม่ไปทะเลสาบดอยเต่าจะใช้ทางหลวงหมายเลข 108 ไปยังอำเภอฮอด ระยะทาง 90 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายสู่ทางหลวงหมายเลข 1103 ไปยังทะเลสาบดอยเต่าอีก 35 กิโลเมตร รวมระยะทางจากจังหวัดเชียงใหม่ 125 กิโลเมตร

ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข่าว
กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน












เด็กชาวเขาเผ่าม้งหายไปจากวัดพระธาตุดอยุสเทพหลังโดนกล่าวหาเป็นโจร



เด็กน้อยชาวเขาเผ่าม้งจากดอยปุย ที่เคยสวมชุดประจำเผ่ามาสร้างสีสันให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพตลอดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาได้หายไปจากวัดพระธาตุดอยสุเทพหลังเกิดกรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติกล่าวหาว่าเป็นโจรขโมยนาฬิกา ผู้ปกครองกลัวเสียชื่อเสียงห้ามลูกหลานมาอีกทำให้ขาดสีสันที่เคยมี หลายคนวอนให้แก้ไขตราบาปของเด็กชาวเขาทั้งๆที่ไม่เคยทำ

ก่อนหน้านี้จากสำนักข่าวของประเทศอังกฤษมีการนำเสนอข่าวว่านักท่องเที่ยวหญิงชาวอังกฤษได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพถ่ายลงในสื่อสังคมออนไลน์ระบุว่ามาเที่ยววัดพระธาตุดอยสุเทพ ที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วถ่ายภาพกับเด็กผู้หญิงที่แต่งกายชุดชนเผ่าสองคน ต่อมาปรากฏว่านาฬิกาข้อมือได้หายไป ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือของเด็กหญิงทั้งสองคนที่ขโมยไป ซึ่งก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่
จนเกิดกรณีที่ต้องมาติดตามความชัดเจนผู้ปกครองของเด็กทั้งสองคนออกมายืนยันลูกไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่ถูกกล่าวหาและร้องขอความเป็นธรรม อีกทั้งไม่มีการแจ้งความในพื้นที่เพื่อดำเนินการสืบสวนอย่างถูกต้องแต่กลับมีการกล่าวหากันเช่นนี้ส่งผลให้ทั้งผู้ปกครอง และเด้กทั้งสองคน รวมทั้งประชาชนในพื้นที่เกิดความไม่สบายใจ และล่าสุดก็ยังไม่มีควมคืบหน้าจากทางตำรวจที่จะช่วยแกะรอยจากวงจรปิดหรือพิสูจน์ความจริงให้เด็กทั้งๆ ที่ถูกตาหรน้าว่าเป็นโจรอย่างไม่เป็นธรรม 
ล่าสุดทางทีมข่าวขึ้นไปสำรวจที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งปกติผู้ปกครองเด็กชาวเขาเผ่าม้งจากบ้านม้งดอยปุย จะมาค้าขายที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ และพาบุตรหลานสวมชุดประจำเผ่าม้งที่สวยงามมานั่งเล่น และถ่ายภาพคู่กับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาท่องเที่ยวเพื่อเป็นสีสันและถือเป็นอีก 1 สัญลักษณ์ของดอยสุเทพกับชาวม้งดอยปุยที่อยู่อาศัยพบดอยดอยแห่งนี้เป็นเวลามานานหลายสิบปีแล้วที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นเด็กชาวเขาเหล่านี้มาวิ่งเล่น และให้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพในช่วงวันหยุดและวันปิดภาคเรียน
แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นผู้ปกครองของเด็กชาวเขา ซึ่งปกติจะพามาช่วงหวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ก็ได้สั่งห้าม และไม่ยอมพาลูกหลานมาเช่นเคยเนื่องจากเกรงจะเสียชื่อเสียงของสถานที่ และยังกลัวว่าจะถูกมองไม่ดีเป็นโจรทั้งๆ ที่เด็กๆเหล่านี้ไม่เคยมีพฤติกรรมดังที่ถูกกล่าวหาและเป็นเด็กที่ชาวบ้านจะช่วยกันสอดส่องดูแลเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์ด้วย ตอนนี้ทำให้เด็กเหล่านี้หลายไปจากวัดพระธาตุดอยสุเทพมานานเกือบ 2 สัปดาห์ ซึ่งชาวบ้านที่ค้าขายย่านนี้รวมทั้งชาวเชียงใหม่เองก็วอนอยากให้ความจริงกระจ่างชัดและหน่วยงานทางรัฐบาลต้องกู้ศักดิ์ศรีให้เด็กชาวม้งตัวน้อยทั้ง 2 คนด้วอย่าเพียงมองว่าเป็นเด็กชาวเขา ซึ่งตอนนี้สภาพจิตใจของเด็กทั้ง2คนและครอบครัวบอบช้ำอย่างมากจากความไม่เป็นธรรมครั้งนี้

ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน 







คลิปข่าว อส. ฮีโร่ลุยน้ำป่าเข้าไปรับผู้ป่วยเด็กโรคลมชักส่งโรงพยาบาล


เจ้าหน้าที่ อส.เวียงแหง ขับรถเดินลุยน้ำป่าเข้าไปรับผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคลมชักเพื่อไปส่งโรงพยาบาล อย่างปลอดภัย หลังหมู่บ้านถูกน้ำป่าไหลหลากปิดทางเข้าหมู่บ้าน ล่าสุดอาการผู้ป่วยปลอดภัยแล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ อส.คนกล้าเปิดเผยรู้สึกดีใจที่ช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยไว้ได้

นี่คือภาพเหตุการณ์ขณะที่ ญาติของเด็กชายสิทธิ์  เลาหมู่ วัย 11 เดือนที่ป่วยเป็นโรคลมชักกำลังอุ้มเด็กชายสิทธิ์ ให้กับเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเวียงแหง ที่กำลังเดินลุยข้ามลำห้วยใกล้กับหมู่บ้านที่น้ำป่ากำลังไหลหลากเพื่อนำตัวเด็กชายสิทธิ์ไปส่งโรงพยาบาลเวียงแหง หลังจากเกิดอาการโรคลมชักกำเริบ หลังทราบเหตุนายฉัตรชัย สุวรรณวงศ์ นายอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้สมาชิก อส.อำเภอเวียงแหง ลงพื้นที่ให้ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากน้ำป่าไหลหลากเข้าบ้านเรือนราษฎรบริเวณบ้านห้วยหก หมู่ที่ 5 ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางไปรับตัวผู้ป่วยโรคลมชักที่มีอาการหนักทราบชื่อเด็กชายสิทธิ์ เลาหมู่ อายุ  11 เดือน อยู่บ้านเลขที่ 192 หมู่ที่ 6 บ้านสามหมื่น ตำบลเมืองแหง เมื่อเจ้าหน้าที่ถึงลำห้วยแม่หล่ะ พบว่าน้ำในลำห้วยไหลเชี่ยวรถของญาติผู้ป่วยที่มาส่งไม่สามารถขับข้ามลำห้วย นายปฏิคม  ตระกูลสำราญ เจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเวียงแหง ได้ตัดสินใจเดินลุยน้ำป่าที่กำลังเชี่ยวในลำห้วยแม่หล่ะไปรับตัวเด็กชายสิทธิ์ ก่อนที่จะนำตัวไปส่งโรงพยาบาลและถึงมือแพทย์อย่างทันถ่วงที ล่าสุดเด็กชายสิทธิ์อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว 

จากการสอบถามนายปฏิคม ตระกูลสำราญ เจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเวียงแหง เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้อาการของเด็กชายสิทธิ์ ได้กำเริบ โดยญาติของผู้ป่วย ได้ขับรถมาจากหมู่บ้านซึ่งอยู่ห่างจากโรงพยาบาล 25 กิโลเมตร เมื่อขับมาประมาณ 20 กิโลเมตรพบว่าสะพานข้ามลำห้วยแม่หล่ะ ที่ชำรุดมาหลายปี ประกอบกับมีน้ำป่าไหลหลาก ไม่สามารถขับรถข้ามลำห้วยได้และได้ประสานขอความช่วยเหลือ ดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นอาการผู้ป่วยค่อนข้างหนัก ตนจึงตัดสินใจเดินข้ามลำห้วยรับตัวผู้ป่วยเพื่อไปส่งที่โรงพยาบาล ซึ่งหลังจากที่ทราบข่าวว่าอาการของผู้ป่วยปลอดภัยแล้วตนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

ขอบคุณภาพและข่าวจากไลน์ ท่านผู้ว่าราชการ นาย ปวิณ ชำนิประศาสน์ 
Cr. ข่าวเวียงแหง
กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน
www.cmupdatenews.com








ชมคลิป น้ำป่าไหลหลากพัดสะพานขาดที่ บ้านป่าแป๋ อ.แม่แตง จนท. เร่งเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน


หลังฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา (17-18 กย.)ส่งผลให้ช่วงเช้าวันนี้มีรายงานการเกิดน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ อาทิ ต.ออนกลาง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่,ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และ ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งในพื้นที่ บ้านปางมะกล้วย ต.ป่าแป๋ น้ำป่าได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่ริมน้ำ ทรัพย์สินภายในบ้านเสียหายหลายหลัง แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาด สูญหาย หรือเสียชีวิต เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเกิดเหตุการณ์น้ำป่าเข้าท่วมอยู่เป็นประจำในหน้าฝน ทำให้มีการเตรียมการ การเฝ้าระวัง และแจ้งเตือนภัยก่อนหน้านี้แล้ว

ทางด้านนายไพรินทร์ ลิ่มเจริญ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะที่บริเวณสะพานป่าแป๋ ซึ่งเป็นสะพานข้ามห้วยเพื่อเข้าสู่หมู่บ้าน ที่มีลักษณะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก อายุกว่า 10 ปี ได้รับความเสียหายจากมวลน้ำป่า 2 จุด กว้าง 1.50 เมตร ยาว 6 เมตร และกว้าง 3 เมตร ยาว 4 เมตร ทำให้การสัญจรเข้าหมู่บ้านค่อนข้างยากลำบาก เนื่องจากไม่มีเส้นทางอื่นเข้าออกได้ โดยขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ปภ.และอาสาสมัคร เข้าพื้นที่เพื่อสำรวจ ช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน โดยได้มีการนำกระสอบทรายกั้นน้ำเข้าไปแล้วบางส่วน แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ จึงจะต้องรอรายงานความคืบหน้าล่าสุดต่อไปในเวลาอันใกล้
นอกจากนั้น ยังมีรายงานเหตุการณ์ มวลน้ำป่าจากลำห้วยแม่ยะ บ้านแม่อ้อในต.แม่นะอ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ได้เอ่อล้นท่วมบ้านเรือนราษฎร เช่นกัน  ซึ่งทางเทศบาลตำบลแม่นะ,นายอำเภอเชียงดาว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครอง ทหาร และเจ้าหน้าที่ปภ. สาขาเชียงดาว ได้ร่วมกันบูรณาการ เข้าสำรวจความเสียหายในพื้นที่ และจะเร่งรายงานความเสียหายต่อไป ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานว่ามี ต้นไม้ล้มขวางถนนโชตนา ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว ซึ่งขณะนี้แขวงการทาง และหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ได้ระดมกันเร่งตัดไม้ และเคลียร์เส้นทาง ล่าสุดสามารถรถเล็กสัญจรได้ตามปกติแล้ว 
ด้าน ต.ออนกลาง ต.แม่ออนจ.เชียงใหม่ ได้ เกิดน้ำท่วมหมู่ที่ 4 ,5 ,6 ซึ่งก็ได้มีการประสานอปท. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เร่งเข้าให้การช่วยเหลือแล้วเช่นกัน ซึ่งอย่างไรก็ตามทางสำนักงานป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดเชียงใหม่สั่งการให้ปภ.ในแต่ละเขตพื้นที่เร่งสำรวจความเสียหายและประสานกับทาง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่แต่ละพื้นที่ให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน และสำรวจความเสียหายรายงานสถานการณ์กลับเข้ามายังจังหวัดเพื่อประเมินสถานการณ์ให้ความช่วยเหลือต่อไป เพื่อกู้สถานการณ์ทุกพื้นที่ให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด

ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข่าว
กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน






ตรวจแกรนด์แคนยอนหลังตายอีกศพ ท่องเที่ยวและกีฬาฯ ลั่นสั่งปิดไปก่อนจนกว่าจะมีมติคณะกรรมการจังหวัดฯ


เจ้าหน้าที่หลายหน่วยที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบแกรนด์แคนยอน ก่อนเรียกประชุมหารือร่วมกัน โดยมีการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจสอบอุบัติเหตุครั้งล่าสุด พร้อมดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สถานที่ ซึ่งเปิดกิจการโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ด้านท่องเที่ยวและกีฬาฯ ลั่นสั่งปิดไปก่อนจนกว่าจะมีมติคณะกรรมการจังหวัดฯ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 ก.ย.59  พ.ต.อ.ปรีชา วิมลไชยจิต รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วย นายสุธน วิชัยรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงใหม่ , นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช นายอำเภอหางดง , นายสมหวัง บุญระยอง โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด , นายธนา นวลปลอด หัวหน้างานยุทธศาสตร์สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันเดินทางเข้าดำเนินการตรวจสอบ บ่อแกรนด์แคนยอน ซึ่งตั้งอยู่ เลขที่ 244 ม.3 บ้านแพะขวาง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ หลังกรณีเกิดเหตุมีคนจมน้ำเสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ทาง พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ.5 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อช่วงสายวานนี้ โดยในการลงตรวจวันนี้ ทางคณะได้เข้าทำการพูดคุยหารือกับทาง นายฉัตรกรินทร์ ตระกูลอินสัน อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าว เพื่อรับฟังข้อมูลของพื้นที่ และหารือแนวทางในการป้องกันอันตรายที่เกิดจากการเปิดพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เนื่องจากที่ผ่านมานั่นมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาท่องเที่ยวและเล่นน้ำในบริเวณดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง ซึ่งระหว่างการประชุมหารือนานกว่า 1 ชั่วโมง เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้มีคำสั่งให้ดำเนินการปิดสถานที่จนกว่าคณะกรรมการจะมีการประชุมและพิจารณาให้ดำเนินการต่อไป



ทั้งนี้ พ.ต.อ.ปรีชา วิมลไชยจิต รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า จากการตรวจสอบวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการรวบรวมสภาพพื้นที่ของจุดท่องเที่ยวแห่งนี้  โดยการท่องเที่ยวมีนโยบายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด แต่เมื่อมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น หรือเหตุอันตราย ก็จะต้องมีระเบียบการปฏิบัติกำหับ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าสถานที่แห่งนี้ยังไม่มีใบอนุญาต และระเบียบในการบังคับใช้ที่ชัดเจน แต่ในส่วนของคดีความนั้นก็จะต้องแยกออกไปอีกส่วนหนึ่ง ส่วนการดำเนินการในพื้นนั้นก็จะต้องนำเสนอกับทางที่ประชุมใหญ่อีกครั้ง 
 ในส่วนของการดำเนินการด้านคดีความนั้น ล่าสุดทางผู้กำกับ สภ.หางดง ได้รับคดีไว้แล้วซึ่งเป็นเรื่องของความประมาท โดยจากการตรวจสอบจากภาพกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุจะเห็นว่าบุคคลเสียชีวิตนั้นได้กระโดดลงไปก่อน แล้วมีเพื่อนโดดตามไปทันทีทำให้ร่างกายไปกระแทกกัน ทำให้หมดสติและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แล้วจมน้ำเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งขณะที่เกิดเหตุก็มีทางเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของสถานที่พยายามจะช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทันการ ซึ่งตรงจุดนี้ก็ได้มีการรับคดีและแจ้งดำเนินการในเรื่องของความประมาทไปแล้ว พร้อมทั้งจะได้มีการรวบรวมหลักฐาน และดำเนินการสอบปากคำกับทางผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอยู่ จึงได้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งในวันนี้ 
 ขณะที่ทางด้าน นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช นายอำเภอหางดง  กล่าวว่า หลังจากการดำเนินการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งการรับฟังข้อคิดเห็นต่างๆ จากทุกฝ่ายในวันนี้ เบื้องต้นจะได้นำข้อสรุปเพื่อไปดำเนินการประชุมร่วมกับทางคณะกรรมการชุดใหญ่ของจังหวัดอีกครั้งว่าจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตามในการหารือครั้งนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาที่แน่ชัดเนื่องจากจะต้องรอประชุมร่วมกับทางคณะกรรมการชุดใหญ่โดยมีทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการประชุม ส่วนการดำเนินการลงโทษหรือคำสั่งต่างๆ นั้นก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุม เนื่องจากทางอำเภอไม่สามารถที่จะเสนอได้ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับทางคณะกรรมการจังหวัดที่จะพิจารณาให้เหมาะสมต่อไป ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ที่ผ่านมาทางผู้ประกอบการก็ต้องการดำเนินการให้ถูกกฎหมายอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อกฎหมายที่ควบคุมในเรื่องนี้โดยตรงและชัดเจน
 ด้าน นายสมหวัง บุญระยอง โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด กล่าวว่า สำหรับสถานที่แห่งนี้จากการพูดคุยหารือและตรวจสอบกับทางเจ้าของผู้ประกอบการนั้นพบว่า ยังไม่เข้าข่าย พ.ร.บ. ว่าด้วยเครื่องเล่น เนื่องจาก พ.ร.บ. เครื่องเล่นนั้นจะมีส่วนที่ควบคุมอยู่ ประกอบกับสถานที่แห่งนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทำให้การดำเนินการทางกฎหมายไม่ได้ จึงต้องมีการหารือและวางมาตรการกับทางปกครองเพื่อให้สามารถควบคุมระบบการเล่นเครื่องเล่นทางธรรมชาติให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด โดยจะมีคณะกรรมการชุดพิจารณาของทางจังหวัดดำเนินการในส่วนนี้ 
 ทางด้าน นายสุธน วิชัยรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงใหม่  ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทางกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา มีหน้าที่ คือการควบคุม และส่งเสริม โดยการควบคุมนั้นจะมีคณะกรรมการเพื่อติดตาม กำกับ และตรวจสอบพื้นที่ที่มีความเสี่ยง รวมทั้งความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวโดยคณะกรรการชุดดังกล่าว มีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธาน และทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์หรือสถานที่ท่องเที่ยวแห่งไหนที่มีความเสี่ยงต่อนักท่องเที่ยว ก็จะต้องมีการนำเรื่องเข้าไปยังคณะกรรมการชุดดังกล่าวเพื่อให้มีการพิจารณา และอีกส่วนคือการส่งเสริม ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ต้องการส่งเสริมให้แหล่งท่องเที่ยวทุกแห่งมาขึ้นทะเบียนกับทางสำนักทะเบียนและธุรกิจท่องเที่ยว เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้เมื่อขึ้นทะเบียนเสร็จจะสามารถทำประกันกับทางบริษัท เพื่อป้องกันกรณีที่นักท่องเที่ยวประสบอุบัติเหตุก็สามารถที่จะใช้ประกันในการรักษาพยาบาลได้ อย่างเช่นค่ารักษาพยาบาลอาจจะ 500,000 บาท หรือกรณีที่เสียชีวิตก็ต้องจ่ายเงิน 1,000,000 บาท ซึ่งจะเป็นการแบ่งเบาภาระของทางผู้ประกอบการในส่วนนี้ด้วย 
 ทั้งนี้ในเบื้องต้นการดำเนินการส่วนนี้จะมีเจ้าหนาที่ฝ่ายกฎหมายเข้าไปดำเนินการตรวจสอบก่อน เพื่อให้เกิดความมั่นใจด้านความปลอดภัยกับนักท่องเที่ยวถ้าไม่พบปัญหาก็จะส่งเสริมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีความปลอดภัย ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องยื่นเรื่องเพื่อให้พิจารณาต่อไป โดยจะต้องมีเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมายมาแสดงกับทางเจ้าหน้าที่ ขณะเดียวกันในส่วนของสถานที่แห่งนี้ เบื้องต้นหลังจากมีการลงตรวจสอบ และพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในพื้นทีทราบว่า ได้มีการออกคำสั่งให้ดำเนินการปิดการให้บริการและสถานที่ไปก่อนจนกว่าจะมีมติเห็นชอบในการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปขอคณะกรรมการ 

 กมล เครือนิล สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน




C.M.V. Intertrade Co.,Ltd. นำทีม MOU กับ ตลาดค้าส่งเมืองอี้อู


จีนลงนามเปิดพื้นที่ตลาดค้าส่งใหญ่สุดให้สินค้าไทยพุ่งสู่ตลาดจีนมากขึ้น C.M.V. Intertrade Co.,Ltd. นำทีม MOU กับ ตลาดค้าส่งเมืองอี้อู คาดหวังเพิ่มยอดส่งออกหลายหมื่นล้านต่อปี โอกาสทองที่ไม่ควรมองข้าม

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2559 ที่ผ่านมาที่ห้องเชียงทอง ชั้น 1 ศูนย์ประชุมนานาชาติคุ้มคำ คุ้มขันโตก เชียงใหม่ บริษัท C.M.V. Intertrade Co.,Ltd. โดย นายสุรพล เกียรติไชยากร ประธานกรรมการที่ปรึกษาบริษัทฯพร้อมด้วยนายวัชระ ตันตรานนท์ กรรมการที่ปรึกษาบริษัทฯ และนายประกอบ พรประสิทธิ์กุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ร่วมกับคณะผู้บริหารตลาดค้าส่งเมืองอี้อู และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจากรัฐบาลจีน โดย Mr.Gong Xian, Vice General Manager ของ Yiwu International Land Port Group Co.,Ltd. พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการเมืองอี้อู และนักธุรกิจชาวจีนที่นำเข้าสินค้าไทยสู่ประเทศจีน ร่วมเป็นตัวแทนลงนามความร่วมมือในการส่งสินค้าการเกษตร และผลิตภัณฑ์การเกษตร ตลอดจนสินค้าอุปโภค บริโภคของจากประเทศไทยอันเป็นที่ต้องการของตลาดจีน โดยมีจังหวัดเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้า ไปยังตลาดค้าส่ง โดยมีนางศิริพร ตันติพงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ผู้บริหารภาคเอกชน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือร่วมในพิธีครั้งนี้อย่างล้นหลาม
นายวัชระ กล่าวว่า นับเป็นโอกาสที่ดีที่มีความร่วมมือเป็นทางการที่จะทำให้เปิดตลาดเข้าสู่ประเทศจีนได้มีศักยภาพและเป็นระบบมากขึ้น จากอดีตที่จะมีปัญหาในการบริหารจัดการจนทำให้เกิดปัญหามากมายตามมาและเป็นเหตุให้เสียโอกาสไปมาก ครั้งนี้ทางกลุ่มผู้เกี่ยวข้องในเชียงใหม่และภาคเหนือรวมทั้งวีกรุ๊ปก็มีการเปิดตลาดกลางเชื่อมโยงกันจีนอยู่แล้วและมีการลงนามทางการเช่นนี้ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่ดี 
เช่นเดียวกับนายสุรพลก็กล่าวว่า ทุกคนรู้ว่าตลาดจีนเป็นโอกาสแต่ผ่านมายังเข้าถึงไม่เต็มที่และหลวมๆ การลงนามร่วมมือกันครั้งนี้ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้เราเข้าถึงได้มากและเป็นระบบชัดเจน เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์อย่างมากต่อการส่งออกสินค้าไทยที่เขาก็เชื่อมั่น และการนำเข้าที่ไม่ถูกเอาเปรียบมั่นใจว่าจะเป็นโอกาสแก่เกษตรบ้านเราอย่างมาก

ขณะที่นายประกอบผู้บริหาร  Co.,Ltd.กล่าวว่า ตอนนี้มีพื้นที่ที่อี้อู้ 309 ตร.เมตรการลงนามครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้การค้าเป็นระบบและสร้างมูลค่าแก่สินค้าไทยได้มากโดยเฉพาะเชียงใหม่ ในฐานะที่มีประสบการณ์ทำการค้ามานานากับจีน มองว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เข้าสู่ระบบที่จริงจัง ผ่านมาเป็นแค่เอกชนบางกลุ่มและทำแบบหลวมๆ ซึ่งอนาคตเชื่อว่าจะสร้างมูลค่ามหาศาลาหลายหมื่นล้านบาท รวมทั้งการนำเข้าก็จะไม่ถูกเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง ส่วนเอกชนหรือผู้ประกอบการรายไหนจะนำสินค้าไปจำหน่ายที่อี้อู้สามารถดำเนินการเองหรือให้ทาง C.M.V. Intertrade Co.,Ltd.ดูแลให้ก็ได้ .

กมล เครือนิล สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน








ร้านตัดผมจิตอาสาออกตัดผมฟรีให้กับชาวบ้านตามที่สาธารณะ


กลุ่มช่างตัดผมจิตอาสา ออกตัดผมฟรีให้กับชาวบ้าน นักเรียน นักศึกษาตามสถานที่สาธารณะเพื่อหาทุนในการเรียนการสอนให้กับเด็กด้อยโอกาส ตลอดจนนักเรียน นักศึกษาและประชาชน ที่ต้องการเรียนตัดผมแล้วในไปประกอบอาชีพ ซึ่งได้แนวคิดจากช่างตัดผมในร้านที่เป็นชาวเขาสู้ชีวิตเรียนตัดผมจนประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ 


โดยกลุ่มช่างตัดผมกลุ่มดังกล่าวเป็นช่างตัดผมจากร้านโซรอนแฮร์แคร์ ร้านตั้งอยู่ถนนเจริญประเทศ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในช่วงวันหยุดหรือมีงานแสดงสินค้าต่างจะเปิดบูธรับตัดผมฟรีให้กับประชาชน ตลอดจนนักเรียนนักศึกษา โดยล่าสุดได้เปิดบริการตัดผมฟรีในงานวันการศึกษานอกโรงเรียน ที่หอสมุดประชาชน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีประชาชน นักเรียนนักศึกษา ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ให้ความสนใจเข้าคิวใช้บริการ ด้านนายคุณวุฒิ  พุทธเจริญ เจ้าของร้านโซรอนแฮร์แคร์ เปิดเผยว่าแนวคิดดังกล่าวเริ่มจากการบอกเล่าถึงความลำบากในวัยเด็กของช่างตัดผมที่ชื่อนาย เอกชัย  จะคือ ซึ่งเป็นชาวเขาอยู่ที่อำเภอแม่อาย ซึ่งตอนนั้นในหมู่บ้านไม่มีร้านตัดผมชาวบ้านต้องใช้กรรไกตัดผมให้บุตรหลานเองซึ่งทรงผมที่ตัดออกมาจะดูไม่ดี ทำให้นายเอกชัย มีแนวความฝันอยากเป็นช่างตัดผมเมื่อเรียนจบการศึกษา จากการศึกษานอกโรงเรียน จึงได้มาเรียนตัดผมที่โรงเรียนสารพัดช่างจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะมาเป็นช่างตัดผมประจำร้านดังกล่าว จึงได้แนวคิดนี้บริการตัดผมให้กับประชาชนฟรี พร้อมเปิดกล่องรับบริจาคหาเงินสมทบทุนเพื่อใช้ในการเรียนการสอนให้กับน้องๆนักเรียนตลอดจนเด็กด้อยโอกาส ที่อยากเรียนตัดผมเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคต 

ด้านนายเอกชัย  จะคือ เปิดเผยว่านักศึกษาที่เรียนการศึกษานอกโรงเรียนหลังจากจบการศึกษาส่วนใหญ่จะไปเรียนต่อสายอาชีพที่โรงเรียนสารพัดช่าง เนื่องจากจบมาแล้วสามารถประกอบอาชีพได้เลย แต่ครั้งที่ตนเรียนจบ กศน.ต้องดิ้นรนหางานทำไปด้วยเนื่องจากทางบ้านฐานะค่อนข้างยากจน และใช้เวลาว่างจากการทำงานไปเรียนตัดผมจนสามารถประกอบอาชีพและเลี้ยงตัวเองได้ จึงได้ร่วมงานจิตอาสากับทางร้าน


นอกจากนี้ร้านโซรอนแฮร์แคร์ เป็นร้านตัดผม ที่ให้บริการตัดผมให้กับลูกค้า 1 ครั้งแถมฟรีให้อีก 2 ครั้ง โดยกำหนดให้สามารถมาตัดฟรีได้ตลอดทั้งเดือน และสามารถเปลี่ยนทรงผมได้หลายแบบเพียงค่าตัด 150 บาท และมีการบันทึกข้อมูลลูกค้าไว้ในคอมพิวเตอร์ ส่งข้อความไปเตือนลูกค้าให้เข้ามาตัดผมที่เหลือ จนครบโปรโมชั่นตามเดือนนั้นๆ ซึ่งคอนเซ็ปของร้านโซรอนแฮร์แคร์ มีแนวคิดเริ่มจากผู้ชายกลุ่มที่ไม่ชอบตัดผมให้สั้นเกินไป ซึ่งหลังจากตัดผมเสร็จใหม่กว่าทรงผมจะเข้าทรงจะให้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้น 1 เดือนผมก็จะยาวดูไม่ดี จึงมีแนวคิดที่จะเปิดร้านแต่งผมในลักษณะที่มีการดูแลทรงผมลูกค้าตลอดทั้งเดือน หรือหากลูกค้าที่ตัดผมไปแล้วเกิดไม่พอใจอยากเปลี่ยนทรงผมสามารถมาตัดได้อีก 

กมล เครือนิล สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน