ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ปคม. ร่วมกับ พ.ต.อ.ธวัชชัย ธาระรูป ผกก.3 บก.ปคม. และ ร.ต.ท.เสรี ทวีทรัพย์ชวนัล รอง สว.ช่วยราชการ กก.3 บก.ปคม.แถลงข่าวจับกุม นางเบญจวรรณ ฉายแพ้ว อายุ 32 ปี และนางประนอม โกฎิรักษ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 327 หมู่ 5 ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1514 และ 1515/2554 ลงวันที่ 16 ก.ย. 2554 ข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปกระทำการค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลเพื่อการค้าประเวณี เพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการค้าประเวณี และกักขัง หน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จับกุมได้ในพื้นที่หมู่ 5 ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
พ.ต.อ.ประเสริฐ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ด.ญ.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี และมารดา ได้เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ว่า ผู้ต้องหาทั้งสองซึ่งเป็นเพื่อนบ้านหลอก ด.ญ.เอ๋ ชักชวนให้ไปทำงานเสิร์ฟอาหารที่ร้านซันไทม์บาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ต่อมาภายหลังกลับโดนบังคับให้ค้าประเวณี ชุดสืบสวน กก.3 บก.ปคม.จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาก่อนจะติดตามจับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าว
“จากการสืบสวนพบว่านอกจากผู้ต้องหาจะหลอกลวงหญิงสาวชาวไทยซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันแล้ว ยังหลอกลวงหญิงสาวชาวลาวรวมแล้วไม่น้อยกว่า 50 ราย ซึ่งมีทั้งเต็มใจเดินทางไปและถูกหลอกลวงไปค้าประเวณีที่ร้านดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งติดตามให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย ส่วนร้านแห่งนี้พบข้อมูลว่ามีชายชาวสิงคโปร์เป็นเจ้าของ โดยมีภรรยาคนไทยเป็นผู้ดูแล และยังมีผู้ต้องหาอีกรายที่หลอกลวงเหยื่อมาค้าประเวณี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับทั้ง 3 ราย ไว้แล้ว” รอง ผบก.ปคม.กล่าว
สอบสวนนางเบญจวรรณ และนางประนอม ให้การปฏิเสธอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงผู้เสียหายแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่ารู้จักกันเนื่องจากเป็นคนในหมู่บ้าน โดยไม่ทราบว่าถูกศาลออกหมายจับ เพราะทำงานเป็นแม่บ้านที่บริษัทแห่งหนึ่ง และไม่ได้คิดจะหลบหนีไปไหน เหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นความเข้าใจผิดของผู้เสียหายมากกว่า ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคม.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น