เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดี้ยน รายงานว่า ทางการจีน ซึ่งกำลังเผชิญกระแสความโกรธแค้นมากขึ้นเรื่อยๆ หลังเกิดเหตุรถไฟความเร็วสูงชนกับขบวนที่จอดนิ่งหลังถูกฟ้าผ่า และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 38 คน และบาดเจ็บอีก 192 คน กำลังอยู่ระหว่างการกำจัดซากรถไฟและควบคุมการเสนอข่าวของสื่อ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า พยายามปกปิดข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
กระทรวงการรถไฟ ได้ขออภัยต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ที่มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของประเทศ และประกาศจะเปิดการสอบสวน พร้อมกับยืนยันว่าเทคโนโลยีของรถไฟความเร็วสูงของจีน ทันสมัยและได้มาตรฐานที่ทางการยังให้ความไว้วางใจ
ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในจีน พากันโจมตีการรับมือของรัฐบาลต่อหายนะที่เกิดขึ้น หลังจากทางการปิดกั้นการรายงานข่าวของสื่อ และเรียกร้องให้ผู้สื่อข่าวหันไปมุ่งเน้นที่ความพยายามกู้ภัย แต่สังคมชาวบล็อก โดยเฉพาะบล็อกเกอร์ที่ใช้ชื่อว่า " กังฟู เสี่ยงติงตัง " ได้เขียนข้อความว่า พวกเรามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ความจริง และนั่นคือสิทธิขั้นพื้นฐาน
มีข่าวรั่วออกมาว่า ทางการได้สั่งห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปขุดคุ้ยหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นรวมถึงไม่ให้ถ่ายภาพรถบุลโดเซอร์ ขนาดเก็บซากตู้รถไฟ ด้านโฆษกการรถไฟ ระบุว่า ไม่มีใครปกปิดหรือฝังเรื่องน่าเศร้านี้ได้ และเพื่อนร่วมงานของเขา บอกว่า จำเป็นต้องขนซากรถไฟไปทิ้งในคูน้ำ เพื่อให้ง่ายต่อการกู้ภัย
ไชน่า มีเดีย โปรเจ็ค ของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ระบุว่า ทางการจีนได้สั่งไม่ให้สื่อทุกสำนักส่งผู้สื่อข่าวเข้าไปในที่เกิดเหตุ , ห้ามรายงานข่าวถี่เกินไป , ไม่ให้โยงเรื่องนี้กับการพัฒนารถไฟความเร็วสูง , จะต้องไม่มีการขุดคุ้ยหาสาเหตุ และต้องรายงานไปตามถ้อยแถลงของทางการเท่านั้น
ทางการได้เน้นการรายงานข่าวไปในประเด็นอื่น เช่น การขอรับบริจาคเลือด เพื่อให้เรื่องราวออกมาในแนว "ความรักอันยิ่งใหญ่ท่ามกลางภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวง" ซึ่งจีนมองว่า รถไฟความเร็วสูงเป็นเรื่องของเกียรติภูมิของชาติ อันเป็นการตอกย้ำถึงการพัฒนาของจีน แต่นักวิจารณ์ ได้มองว่า หายนะที่เกิดขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของปัญหาของประเทศ ขณะชาวเน็ตต่างระบุว่า เป็นความผิดพลาดโดยฝีมือของมนุษย์ ไม่ใช่ภัยพิบัติโดยธรรมชาติ และผู้ที่ต้องถูกประณามก็คือเจ้าหน้าที่ทางการ และการคอรัปชั่นกันอย่างมโหฬาร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น