อภิสิทธิ์เรียกถกหน่วยงานเกี่ยวข้องคดีวอลเตอร์บาวน์ ชี้มีข้อมูลใหม่เพื่อนำไปใช้ต่อสู้ พร้อมเตรียมฟ้องกลับ อัยการสูงสุดย้ำไม่หมดหวัง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคดีกรณีศาลประเทศเยอรมนี สั่งอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 เพื่อชดใช้หนี้บริษัท วอลเตอร์ บาวน์ ที่ฟ้องเรียกค่าชดใช้จากรัฐบาลไทย จากกรณีขัดแย้งเกี่ยวกับสัมปทานในการก่อสร้างทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์เข้าหารือ ประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด และเลขากฤษฎีกา เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง
นายอภิสิทธิ์กล่าวภายหลังการหารือว่า ประเด็นที่เป็นข้อพิพาทระหว่างบริษัทวอลเตอร์บาวน์ กับรัฐบาลไทยมีหลายแง่มุม และมีข้อมูลใหม่ที่ต้องดำเนินการต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุด และตัวอัยการสูงสุดได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ หลายเรื่องจะมีความชัดเจนในช่วงเดือน ส.ค. นี้
"ผมยืนยันว่าไทยมีความพร้อมเต็มที่ และกำลังเดินหน้าในการที่จะต่อสู้ ได้มีการทำความเข้าใจกับหน่วยงานต่างๆ ถึงสถานะคดี เพื่อให้ทุกคนสามารถวางแผน และปฏิบัติได้ตรงกัน"นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในส่วนที่จะมีการยื่นฟ้องร้องใหม่นั้นมีในส่วนของต่างประเทศด้วย ซึ่งการฟ้องร้องมีเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากการใช้สิทธิที่ไม่สุจริตของวอลเตอร์ บาวน์ ด้วย อยู่ประมาณ 3 คดี ส่วนจะเรียกค่าเสียงหายจากทางบริษัทหรือไม่นั้น ให้เป็นเรื่องของทางอัยการสูงสุดเพราะเป็นผู้ดำเนินการ
"ผมเห็นข้อเท็จจริงแล้ว มองว่า รัฐบาลไทยไม่ได้รับความเป็นธรรม ฉะนั้น การต่อสู้ก็จะดำเนินการต่อ หากรัฐบาลเยอรมันได้ทราบข้อมูลต่างๆ คงต้องปรับท่าทีตัวเอง หากดูด้วยความเป็นธรรม คิดว่าต้องปรับท่าทีพอสมควร และหวังว่าคดีจะไม่ยืดเยื้อ ซึ่งแต่ละคดีจะใช้เวลาแตกต่างกัน"นายอภิสิทธิ์กล่าว
ด้าน นายจุลสิงห์ กล่าวว่า คดีวอลเตอร์บาวน์นั้นยังมีหนทางต่อสู้และยังไม่หมดหวัง
บัวแก้วส่งแถลงการณ์ย้ำเยอรมันให้เปลี่ยนท่าที
ด้าน นายเจษฎา กตเวทิน รองอธิบดีกรมสารนิเทศ ปฏิบัติหน้าที่แทนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า วันนี้ (28ก.ค.) นายสเตฟาน ดูเพิล อุปทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย ได้พบกับนางบุษยา มาทแล็ง อธิบดีกรมยุโรป เพื่อมอบหนังสือส่งผ่านไปยังรัฐบาลเยอรมนี พร้อมย้ำตามแถลงการณ์ที่กระทรวงการต่างประเทศได้ออกไปเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ตามที่สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทยได้ออกเอกสาร เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา เรียกร้องให้รัฐบาลไทยรีบดำเนินการชำระค่าเสียหายให้แก่ บริษัท วาลเทอร์ เบา โดยมีข้อความพาดพิงถึงการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นั้น
นอกจากนี้ กรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทวอลเตอร์ บาวน์ เป็นพิพาทระหว่างรัฐกับผู้ลงทุนเอกชน ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เป็นผู้รับผิดชอบในนามของรัฐบาลไทย โดยกรณีพิพาทนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องแต่ประการใดกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพราะเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ พระองค์ทรงเป็นบุคคลภายนอก ไม่ใช่คู่พิพาทในกรณีดังกล่าว และเช่นเดียวกัน รัฐบาลเยอรมนีก็ไม่ใช่คู่กรณี
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศขอแถลงด้วยว่า รัฐบาลไทยได้แจ้งข้อเท็จจริงข้างต้นให้แก่รัฐบาลเยอรมนีแล้วในทุกระดับตั้งแต่ต้น ซึ่งรัฐบาลเยอรมนีก็น่าจะตระหนักดีถึงข้อเท็จจริงนี้ และด้วยเหตุนี้ รัฐบาลไทยจึงรู้สึกผิดหวังต่อท่าทีและการดำเนินการของรัฐบาลเยอรมนี ดังเอกสารแถลงข่าวล่าสุดของสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย ซึ่งยังคงพาดพิงถึงการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยใช่เหตุ และโดยมิบังควร
โพสทูเดย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น