ตำรวจกองบังคับการปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. และตำรวจกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันควบคุมตัว 11 คนไทย ขบวนการหลอกโอนเงินข้ามชาติ หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ถูกทางการเวียดนาม บุกจับได้เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา และส่งตัวกลับมาให้ไทยดำเนินคดี
พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า กลุ่มคนไทยทั้ง 11 คน เป็นผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำงานอยู่ที่เมืองโฮจิมินห์ของประเทศเวียดนาม โดยพฤติกรรมจะมีหัวหน้าชาวไต้หวัน เป็นผู้กดโทรศัพท์สุ่มตามบ้านในประเทศไทย เมื่อมีผู้รับพนักงานผู้หญิงก็จะอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรศัพท์มาเพื่อแจ้งว่ามีการกดเงินจากตู้เอทีเอ็มตามสถานที่ต่างๆ
เมื่อผู้เสียหายตอบปฏิเสธก็จะอ้างว่าบัญชีอาจถูกขโมยไปใช้ฟอกเงิน หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จากนั้นจะมีเสียงผู้ชายโทรศัพท์มาอีกครั้งอ้างว่าเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรสังกัดกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ.บ้าง หรือเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ บ้าง
ซึ่งหลังจากเหยื่อหลงเชื่อก็จะแจ้งว่าตรวจสอบไม่พบว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่บัญชีถูกอายัดไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อป้องกันการขโมยใช้อีก ซึ่งผู้เสียหายไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ก็จะหลอกให้ไปที่ ตู้ เอทีเอ็ม ป้อนข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษโดยอ้างว่า เพื่อปลดล็อคบัญชี แต่แท้จริงเป็นการหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีของแก๊งคอลเซนเตอร์เหล่านี้ ซึ่งหลังถูกจับกุม ทางการเวียดนามได้ดำเนินคดีกลุ่มคนไทยทั้ง 11 คนนี้ ในข้อหา เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมประสานทางการไทยให้ไปรับตัวกลับ
ขณะที่นายสระไกร ศรีแจ้ง 1 ในคนไทยที่ถูกจับ อ้างว่า ถูกหลอกให้ไปทำงานที่เวียดนาม ทั้งที่ไม่อยากทำ แต่จำเป็นต้องทำเพราะไม่สามารถเดินทางกลับได้ ทำได้เพียงรอให้เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม จึงกลับประเทศไทยได้ จึงอยากเตือนให้ทุกคน อย่าหลงเชื่อผู้ที่ชักชวนให้ไปเที่ยวต่างประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากเป็นการหลอกลวงให้ไปทำงานในลักษณะนี้
เบื้องต้น ตำรวจนำ 11 คนไทยไปควบคุมตัวเพื่อสอบสวนว่า กระทำผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงหรือไม่ รวมทั้ง ถูกหลอกให้ไปทำงาน หรือ สมัครใจ เนื่องจากบางรายมีประวัติการเดินทาง ระหว่างไทยกับเวียดนาม บ่อยครั้ง หากพบว่า กระทำผิดจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
สำหรับประชาชนรายใดที่เคยถูกหลอกลวงในลักษณะนี้ ขอให้ไปแจ้งความที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ.ได้ทันที เพื่อเป็นข้อมูลขยายผลไปจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป
สนับสนุนเนื้อหา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น