ยูเอ็น เผย ปิดศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยจากการสู้รบในพม่าไม่ใช่เรื่องง่าย ยอมรับอยู่อาศัย 27 ปีนานเกินไป
เจ้าหน้าที่ภาคสนามของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ(ยูเอ็นเอชซีอาร์) ด้านชายแดนไทย - พม่า จ.ตาก กล่าวว่า ทางยูเอ็นเอชซีอาร์.ยังไม่ได้รับการประสานจากไทยในกรณีที่หน่วยงานของรัฐบาลไทยมีแผนที่จะปิดพื้นที่พักพิงผู้ลี้ภัยจากการสู้รบชาวกะเหรี่ยง สัญชาติพม่า ที่อาศัยกว่า 70,000 คน ตามที่รัฐบาลพม่ายื่น 3 เงื่อนไขเลือกับการเปิดด่านเมียวดี-แม่สอด
ทั้งนี้ ศูนย์อพยพดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่พักพิงบ้านแม่หละ ต.แม่หละ อ.ท่าสองยาง , บ้านอุ้มเปี้ยม ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ และบ้านนุโพ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก โดยเชื่อว่า หากปิดพื้นที่พักพิงมันไม่ง่ายจะต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปี ซึ่งจะผลักดันกลับไปได้เลยทั้งหมดหรือไม่ แต่ยอมรับว่า ผู้หนีภัยจากการสู้รบมาอาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงในพื้นที่จ.ตากนั้น ได้อาศัยถึง 27 ปี มันเป็นเวลานานเกินไปแล้ว และจำนวนประชากรในพื้นที่พังพิงก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่าง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการส่งไปประเทศที่ 3 อย่างต่อเนื่องไปกว่า 5 หมื่นคนแล้ว แต่ผู้ลี้ภัยกลับไม่ลด ฉะนั้นการแก้ปัญหาด้วยการส่งไปประเทศที่ 3 จึงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกจุด ส่วนการปิดหรือไม่ปิดศูนย์ผู้ลี้ภัยนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของยูเอ็นเอชซีอาร์ เพราะเป็นเพียงผู้ดูแลผู้อพยพเท่านั้น ดังนั้นหากจะปิดศูนย์อพยพ ทั้งสองประเทศคือพม่าและไทยจะต้องทำเอ็มโอยูบันทึกความเข้าใจแล้วจึงจะดำเนินการได้ และเมื่อถึงตอนนั้นทางยูเอ็นเอซซีอาร์ ก็มีหน้าที่เข้าไปดูเรื่องการส่งกลับมาตุภูมิว่ามีความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่ กลับไปแล้วสามารถประกอบอาชีพอยู่ได้อย่างไม่ขาดแคลน หลังจากนั้นถึงจะหมดหน้าที่ของยูเอ็นเอชอาร์ซี
ทั้งนี้ ศูนย์อพยพดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่พักพิงบ้านแม่หละ ต.แม่หละ อ.ท่าสองยาง , บ้านอุ้มเปี้ยม ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ และบ้านนุโพ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก โดยเชื่อว่า หากปิดพื้นที่พักพิงมันไม่ง่ายจะต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปี ซึ่งจะผลักดันกลับไปได้เลยทั้งหมดหรือไม่ แต่ยอมรับว่า ผู้หนีภัยจากการสู้รบมาอาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงในพื้นที่จ.ตากนั้น ได้อาศัยถึง 27 ปี มันเป็นเวลานานเกินไปแล้ว และจำนวนประชากรในพื้นที่พังพิงก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่าง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการส่งไปประเทศที่ 3 อย่างต่อเนื่องไปกว่า 5 หมื่นคนแล้ว แต่ผู้ลี้ภัยกลับไม่ลด ฉะนั้นการแก้ปัญหาด้วยการส่งไปประเทศที่ 3 จึงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกจุด ส่วนการปิดหรือไม่ปิดศูนย์ผู้ลี้ภัยนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของยูเอ็นเอชซีอาร์ เพราะเป็นเพียงผู้ดูแลผู้อพยพเท่านั้น ดังนั้นหากจะปิดศูนย์อพยพ ทั้งสองประเทศคือพม่าและไทยจะต้องทำเอ็มโอยูบันทึกความเข้าใจแล้วจึงจะดำเนินการได้ และเมื่อถึงตอนนั้นทางยูเอ็นเอซซีอาร์ ก็มีหน้าที่เข้าไปดูเรื่องการส่งกลับมาตุภูมิว่ามีความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่ กลับไปแล้วสามารถประกอบอาชีพอยู่ได้อย่างไม่ขาดแคลน หลังจากนั้นถึงจะหมดหน้าที่ของยูเอ็นเอชอาร์ซี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น