ความคืบหน้า กรณี พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก อายุ 34 ปี แพทย์ประจำคลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้า ถูกชายขับรถยนต์นิสสัน ซันนี่ นีโอ สีน้ำตาล ทะเบียน วค 1355 กรุงเทพมหานคร ตั้งใจพุ่งชนอย่างแรง เหตุเกิดหน้าเสาวรสคลินิก ใกล้สถานีรถไฟสามเสน เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส สมองบวม ต้องผ่าตัดและพักฟื้นในห้องไอซียู รพ.พระมงกุฎฯ ปัจจุบันยังไม่ได้สติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สน.พญาไท เมื่อเวลา 09.00 น.(20 มิ.ย.) พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา อายุ 70 ปี อดีตอาจารย์ภาควิชาจุลชีววิทยา รพ.ศิริราช มารดา พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก พร้อมด้วยแพทย์กลุ่มเพื่อนของหมอมุก เข้าพบ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 และ พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมถึงรูปพรรณของรถและผู้ก่อเหตุ พร้อมติดตามความคืบหน้าของคดี โดยนำรูปถ่ายของหมอมุก ขณะรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู รพ.พระมงกุฎเกล้า มอบให้พนักงานสอบสวนด้วย
พญ.พรรณกรเปิดเผยว่า ต้องการมาให้ปากคำเพิ่มเติมและติดตามความคืบหน้า ในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยอยากจะให้ความจริงเปิดเผย ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด คนก่อเหตุคงต้องเป็นคนเมาและมีสี จึงอยากขอความเป็นธรรมกับตำรวจ ออกมาสู้กันอย่างลูกผู้ชาย พ่อของหมอมุกก็ เป็นทหารเหมือนกัน อาการตอนนี้ยังเบาใจไม่ได้ ต้องมีเพื่อนคอยดูแลกันอยู่ ตนยังมีความหวังว่าปาฏิหาริย์จะทำให้ลูกฟื้นได้ แต่ตอนนี้กังวลเรื่องลูกจะถูกปองร้าย อยากขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งกำลังไปคอยดูแลด้วย จุดเกิดเหตุหน้าบ้านตน เป็นจุดขาวแดงห้ามจอด แต่ก็จอดกันเป็นประจำอยู่
"ตอนนั้นกลับจากไปนมัสการหลวงท่อน ที่ รพ.วิชัยยุทธ ราวสามทุ่มเดินทางกลับบ้านที่เสาวรสคลินิก เลขที่ 45/12 ถนนเศรษฐศิริ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท หมอมุกขับรถโตโยต้า คัมรี สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ษต 4045 กรุงเทพมหานคร พบรถเก๋งนิสสัน ซันนี่ นีโอ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน วค 1355 กรุงเทพมหานคร จอดขวางหน้าบ้าน จึงจดทะเบียนรถไปให้ร้านอาหารสามเสนวิลล่า ซึ่งจะให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ จอดรถริมถนน ช่วยแจ้งให้เจ้าของรถไปเลื่อนรถ จากนั้นหมอมุกก็ จอดรถไว้โดยดึงเบรกมือแล้วไปเข้าห้องน้ำ ต่อมามีชายลักษณะคล้ายทหาร มาขับรถคันที่จอดขวางทางออกไป แล้วจอดซุ่มฝั่งตรงข้ามริมทางรถไฟ บริเวณถนนกำแพงเพชรตัดถนนเศรษฐศิริ จากนั้นมองกลับมาที่หมอมุก ทางหมอมุกก็ยังบอกกับตนด้วยความสงสัยว่า ทำไมขับไปจอดอยู่ฝั่งตรงข้าม ขณะที่หมอมุกเดินไปที่รถ เพื่อเตรียมจะถอยเข้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงบีบแตรดังลั่น ก่อนที่รถคันนั้นจะขับพุ่งชนหมอมุกจน กระเด็นลอยละลิ่ว ต่อหน้าต่อตาแม่ โดยมีพยานที่เห็นเหตุการณ์วิ่งเข้าไปช่วยเหลือ เก็บที่ปัดน้ำฝนของรถคันก่อเหตุซึ่งตกอยู่ไว้เป็นหลักฐาน เรื่องนี้แม่มั่นใจว่าคนขับรถ จงใจกระทำและต้องมีคนคุ้มครอง หรือเป็นคนมีสี จึงกล้าทำกับผู้หญิงได้ถึงขนาดนี้" แม่หมอมุก กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท กล่าวถึงการดำเนินคดีว่า ตอนนี้สอบปากคำพยานที่เกิดเหตุและผู้เสียหาย รวมทั้งประสานงานทางกองทัพไทยส่งรถมาให้ตรวจสอบแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนจะอายัดรถไว้เพื่อส่งตรวจที่กองพิสูจน์หลักฐานต่อไป สำหรับคดีนี้ พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้และแจ้งข้อหาเจตนาทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดย ประสงค์ต่อชีวิต เข้าข่ายคดีอาญาพยายามฆ่า แต่ต้องรอดูอาการบาดเจ็บของหมอมุกว่ามากน้อยแค่ไหน แต่ไม่ได้รับเป็นคดีรถชนธรรมดา พนักงานสอบสวนขอยืนยันว่ามีหลักฐานกล้องวงจร ปิด เห็นภาพที่คนร้ายจอดรถฝั่งตรงข้าม ก่อนขับมากลับรถตรงแยกไฟแดงถนนเศรษฐศิริ แล้วชะลอดูผู้บาดเจ็บก่อน พอเห็นออกมายืนข้างรถก็เร่งความเร็วพุ่งชน ก่อนปิดไฟหน้า แล้วขับถอยหลังกลับรถฝ่าไฟแดงแยกเศรษฐศิริหลบหนีไป นอกจากนี้ ยังมีพยานวัตถุเป็นที่ปัดน้ำฝนซึ่งติดมากับผู้บาดเจ็บ เป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถเอาผิดผู้ก่อเหตุได้
ทั้งนี้ พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาของหมอมุกกล่าวเพิ่มเติมว่า หมอมุกได้ รับพระบรมราชานุเคราะห์ให้เรียนที่ ร.ร.จิตรลดา ด้วยความดีที่บิดาสร้างสมไว้ จึงตั้งใจเรียน และเลือกเรียนแพทย์ที่ รพ.วชิรพยาบาล จบแล้ว ไปประจำที่ จ.ร้อยเอ็ด ก่อนจะอาสาสมัครลงไปช่วยราชการที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วยเหลือผู้สูงอายุจำนวนมาก เนื่องจากมีความสามารถเรื่องการรักษาฝังเข็ม จนได้รับพระราชทานรางวัลเหรียญรามาธิบดี และอยู่ใน คณะแพทย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ หลังจากนั้นได้ย้ายมาประจำที่คลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้า ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอย้ายลงไปช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้อีกครั้ง โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น