อัญเชิญ"พระทันตธาตุ"พระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 จากภูฏาน ประดิษฐานไทย 5 เดือน เฉลิมพระเกียรติ"ในหลวง"84 พรรษา
วันนี้(7 ส.ค.) ดร.อำนาจ บัวศิริ รองผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง His Eminence Trizin Tsering Rimpoche รองสมเด็จพระสังฆราชรูปที่ 1 และนาย Minjun Dorji รมว.มหาดไทยและวัฒนธรรม แห่งราชอาณาจักรภูฎาน ได้เดินทางมาเยี่ยมชมกิจการของคณะสงฆ์ไทย พร้อมทั้งเยี่ยมชมการดำเนินงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ซึ่งทางรองสมเด็จพระสังฆราชของภูฏาน ได้แจ้งกับทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯว่า ทางคณะสงฆ์ภูฏาน ต้องการที่จะร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 54 โดยจะมอบพระทันตธาตุของพระกัสสปะพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 โดยทางคณะสงฆ์ภูฏานยืนยันว่าเป็นชิ้นเดียวในโลก และได้รับการเก็บรักษามาอย่างดี ไม่เคยมีการนำออกนอกประเทศมาก่อน แต่เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสดังกล่าว ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในโลกที่จะได้รับมอบพระทันตธาตุดังกล่าวมาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ และเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสดังกล่าวด้วย รองผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กล่าวต่อไปว่า ทางคณะสงฆ์ภูฏาน ต้องการที่จะนำพระทันตธาตุเข้ามาในช่วงเดือนต.ค. แต่ตนได้ชี้แจงไปว่า หากเป็นช่วงเดือนต.ค.เกรงว่าจะไม่สามารถดำเนินการทัน เนื่องจากต้องการให้โครงการนี้เป็นโครงการที่ดำเนินงานในนามรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงขอให้ทางภูฏานทำหนังสือในนามรัฐบาลภูฏาน แจ้งถึงโครงการดังกล่าวมาถึงรัฐบาลไทย เพื่อจะได้มีการเตรียมการเฉลิมฉลองให้สมกับที่เป็นโครงการร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกันนี้ได้ของให้ทางภูฏานเร่งทำเรื่องแจ้งมาที่รัฐบาลไทย เพื่อต้องการให้ทันก่อนวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งจะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง และจากนั้นจะประดิษฐานไว้ที่ประเทศไทยประมาณ 5 เดือน ด้านน.ส.เบญจลักษณ์ ภูตินาถ ผู้ประสานงานกิจการภูฏานในประเทศไทย กล่าวว่า ได้รับการประสานงานจากคณะสงฆ์ภูฏานให้ช่วยดำเนินงานโครงการดังกล่าว ซึ่งทางภูฏานต้องการกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศทั้งในเรื่องพระมหากษัตริย์ และในเรื่องศาสนา ซึ่งพระทันตธาตุนี้แม้คนภูฏานเองก็ไม่สามารถที่จะเข้าสักการะได้ง่ายๆ เพราะมีการประดิษฐานไว้ในสถานที่เฉพาะ โดยที่ผ่านมาคณะสงฆ์ภูฏานไม่เคยให้มีการนำออกนอกประเทศมาก่อน ดังนั้นประเทศไทยจะถือว่าเป็นประเทศแรกในโลกที่จะมีการอัญเชิญพระทันตธาตุดังกล่าวมาประดิษฐานไว้ในประเทศไทย ซึ่งในส่วนการหารือกับทางคณะสงฆ์ภูฏานในเบื้องต้นต้องการจะนำมาประดิษฐานไว้ในประเทศไทยตั้งแต่เดือน ต.ค. จนถึงช่วงต้นปี 55 เพื่อต้องการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวข้ามปี. เดลินิวส์
วันนี้(7 ส.ค.) ดร.อำนาจ บัวศิริ รองผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง His Eminence Trizin Tsering Rimpoche รองสมเด็จพระสังฆราชรูปที่ 1 และนาย Minjun Dorji รมว.มหาดไทยและวัฒนธรรม แห่งราชอาณาจักรภูฎาน ได้เดินทางมาเยี่ยมชมกิจการของคณะสงฆ์ไทย พร้อมทั้งเยี่ยมชมการดำเนินงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ซึ่งทางรองสมเด็จพระสังฆราชของภูฏาน ได้แจ้งกับทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯว่า ทางคณะสงฆ์ภูฏาน ต้องการที่จะร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 54 โดยจะมอบพระทันตธาตุของพระกัสสปะพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 โดยทางคณะสงฆ์ภูฏานยืนยันว่าเป็นชิ้นเดียวในโลก และได้รับการเก็บรักษามาอย่างดี ไม่เคยมีการนำออกนอกประเทศมาก่อน แต่เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสดังกล่าว ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในโลกที่จะได้รับมอบพระทันตธาตุดังกล่าวมาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ และเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสดังกล่าวด้วย รองผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กล่าวต่อไปว่า ทางคณะสงฆ์ภูฏาน ต้องการที่จะนำพระทันตธาตุเข้ามาในช่วงเดือนต.ค. แต่ตนได้ชี้แจงไปว่า หากเป็นช่วงเดือนต.ค.เกรงว่าจะไม่สามารถดำเนินการทัน เนื่องจากต้องการให้โครงการนี้เป็นโครงการที่ดำเนินงานในนามรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงขอให้ทางภูฏานทำหนังสือในนามรัฐบาลภูฏาน แจ้งถึงโครงการดังกล่าวมาถึงรัฐบาลไทย เพื่อจะได้มีการเตรียมการเฉลิมฉลองให้สมกับที่เป็นโครงการร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกันนี้ได้ของให้ทางภูฏานเร่งทำเรื่องแจ้งมาที่รัฐบาลไทย เพื่อต้องการให้ทันก่อนวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งจะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง และจากนั้นจะประดิษฐานไว้ที่ประเทศไทยประมาณ 5 เดือน ด้านน.ส.เบญจลักษณ์ ภูตินาถ ผู้ประสานงานกิจการภูฏานในประเทศไทย กล่าวว่า ได้รับการประสานงานจากคณะสงฆ์ภูฏานให้ช่วยดำเนินงานโครงการดังกล่าว ซึ่งทางภูฏานต้องการกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศทั้งในเรื่องพระมหากษัตริย์ และในเรื่องศาสนา ซึ่งพระทันตธาตุนี้แม้คนภูฏานเองก็ไม่สามารถที่จะเข้าสักการะได้ง่ายๆ เพราะมีการประดิษฐานไว้ในสถานที่เฉพาะ โดยที่ผ่านมาคณะสงฆ์ภูฏานไม่เคยให้มีการนำออกนอกประเทศมาก่อน ดังนั้นประเทศไทยจะถือว่าเป็นประเทศแรกในโลกที่จะมีการอัญเชิญพระทันตธาตุดังกล่าวมาประดิษฐานไว้ในประเทศไทย ซึ่งในส่วนการหารือกับทางคณะสงฆ์ภูฏานในเบื้องต้นต้องการจะนำมาประดิษฐานไว้ในประเทศไทยตั้งแต่เดือน ต.ค. จนถึงช่วงต้นปี 55 เพื่อต้องการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวข้ามปี. เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น