จังหวัดเชียงใหม่ ประชุมเครือข่ายขับเคลื่อนการป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรทางถนนและอุบัติเหตุ ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยใช้มาตรการแก้ไขจุดเสี่ยง และมาตรการบังคับใช้กฎหมายด้วยกล้อง CCTV ซึ่งสามารถลดการบาดเจ็บจากการจราจรทางบกได้ดีขึ้น
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2561 เวลา 09.30 น. ที่ ศูนย์ควบคุมสัญญาณไฟจราจรและกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เทศบาลนครเชียงใหม่ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมเครือข่ายการขับเคลื่อนการป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยเทศบาลนครเชียงใหม่ บูรณาการความร่วมกับเครือข่ายการดำเนินงานป้องกันการบาดเจ็บจากจราจรทางบก อาทิ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ , กลุ่มงานจราจร ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ , สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น ร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินโครงการกล้องวงจรปิด โดยใช้มาตรการการแก้ไขจุดเสี่ยงด้วยกล้อง CCTV และมาตรการบังคับใช้กฎหมายในผู้ไม่สวมใส่หมวกกันน็อก เพื่อลดการบาดเจ็บจากการจราจรทางบก
ทั้งนี้ การดำเนินงานขับเคลื่อนการป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ จากฐานข้อมูลระบบเฝ้าระวังการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข ในพื้นที่ตั้งแต่เดือน มกราคม 2558 ถึงสิงหาคม 2559 พบว่ากลุ่มเสี่ยงของการบาดเจ็บและเสียชีวิต เป็นประชากรนอกพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นส่วนใหญ่ อายุกลุ่มเสี่ยงอยู่ระหว่าง 15-24 ปี เป็นกลุ่มนักเรียน และนักศึกษา พาหนะส่วนใหญ่ที่ใช้คือรถจักรยานยนต์ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 67 และดื่มแอลกฮอล์ ร้อยละ 28 ส่วนใหญ่พบว่าเกิดอุบัติเหตุในช่วงก่อนทำงาน ไปโรงเรียน หลังเลิกงาน และหลังเที่ยงคืน นอกจากนี้ ยังเกิดการบาดเจ็บมากในช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาว และช่วงฤดูฝน
สำหรับ การดำเนินงานพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการดำเนินงานป้องกันการบาดเจ็บจากการจราจรในเมืองใหญ่ (City RTI) ของเทศบาลนครเชียงใหม่ พบว่าเครือข่ายมีความร่วมมือกันในระดับที่น่าพอใจ และหากต้องการให้เครือข่ายดังกล่าวนี้ สามารถบูรณาการความร่วมมือกันต่อไปอย่างยั่งยืน เพื่อประโยชน์ในการป้องกันการบาดเจ็บในพื้นที่ ควรใช้แกนหลักจากบุคลากรในเทศบาลนครเชียงใหม่ ส่วนมาตรการต่างๆ ที่เครือข่ายร่วมกันขับเคลื่อนนั้น จากผลการประเมินได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและหากสามารถแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างหน่วยวิศวกรรมจราจร กับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายตำรวจและขนส่งได้แล้ว จะสามารถช่วยลดปัญหาการเกิดการบาดเจ็บได้อีกทางหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น