มัลลิกา เผย "ชาวนารับส่วนต่าง" ประกันรายได้งวดที่ 30 สำหรับที่เกี่ยวช่วง 29 เม.ย.-5 พ.ค. ถึงเวลารับเงิน ข่าวดี! ได้สูงสุดถึงครัวเรือนละ 27,889 บาท
วันที่ 7 พฤษภาคม 2565 เวลา 8.30 น.
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นโยบายประกันรายได้เกษตรกรในพืชหลัก 5 ชนิดของรัฐบาลโดย"นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์" ล่าสุดจากการติดตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรทั้ง ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยวันนี้การประกันรายได้ผู้ปลูกข้าวปีที่3 โครงการได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงมาอย่างต่อเนื่องแล้ว
ล่าสุดในส่วนของชาวนาภาคใต้ที่เก็บเกี่ยวช่วงนี้นั้นรายงานจากนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ระบุว่าได้อนุมัติราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 29 เมษายน - 5 พฤษภาคม 2565 ดังนี้คือ
1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูการเก็บเกี่ยว ไม่ต้องมีการชดเชย 2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาเกณฑ์กลางตันละ 12,652.58 บาท ได้รับชดเชยตันละ 1,347.42 บาท ทำให้มีผู้ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 21,558.72 บาท 3) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,731.21 บาท อันนี้ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย 4) ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 9,203.79 บาท ชดเชยตันละ 796.21 บาท ได้รับชดเชยสูงสุด ครัวเรือนละ 23,886.30 บาท และ 5) ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 10,256.88 บาท ชดเชยตันละ 1,743.12 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 27,889.92 บาท
“ ดังนั้นรอบนี้จึงมีข้าวเพียง 3 ชนิดที่ได้รับชดเชยนะคะ คือ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว ส่วนข้าวเปลือกหอมปทุมธานีไม่ได้รับชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงสูงกว่ารายได้ที่ประกันไว้และข้าวเปลือกหอมมะลินั้นได้สิ้นสุดฤดูการเก็บเกี่ยวแล้ว อย่างไรก็ตามทำให้มีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตร งวดนี้จำนวน 2,589 ครัวเรือนและมีชาวนาบางส่วนที่ได้รับชดเชยสูงสุดถึงครัวเรือนละ 27,889 บาท จึงขอแจ้งข่าวให้พี่น้องชาวนาทราบ" นางมัลลิกา กล่าว
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 3 ได้ประกันราคาข้าวเปลือก 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน โดยเข้าเปลือกชนิดต่างๆความชื้นไม่เกิน 15%ทั้งหมดนี้เป็นเงื่อนไขเดิมเหมือนปีหนึ่งและปีสอง
"ระหว่างนี้นายจุรินทร์กำลังพบปะพี่น้องเกษตรกรภาคอีสานที่จังหวัดชัยภูมิและจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รับการยืนยันจากพี่น้องเกษตรกรว่าพึงพอใจกับนโยบายนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากหากราคาพืชผลตกต่ำยังมีหลักประกันจากรัฐบาล ขณะเดียวกันด้านราคาพืชผลนั้นกระทรวงพาณิชย์โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ก็บริหารให้เป็นไปตามกลไกตลาดได้ด้วย เรียนให้ทราบว่าโครงการทั้งหมดได้ช่วยเหลือเกษตรกรร่วม 7.9 ล้านครัวเรือนทั้ง ข้าว ยางพารามันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การบริหารงานที่ผ่านมาราคาพืชผลดีขึ้นตามลำดับ จนขณะนี้ราคาสูงเป็นประวัติการณ์ หลายตัวไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และข้าวบางชนิด เป็นต้น อย่างไรก็ตามกลไกราคาพืชผลเกษตรนั้น เราบริหารจัดการด้านการส่งออกได้ดีส่วนภายในก็ติดตามเร่งรัดนโยบายอย่างใกล้ชิด การกำกับนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นั้นเป็นไปด้วยความมีประสิทธิภาพ" ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว