พลังทุกภาคส่วนระดมรถน้ำเข้าช่วยเหลือปลาในสระของอนุสาวรีย์ข่วงสิงห์ชัยมงคลสำคัญของเมืองเชียงใหม่ หลังเมื่อวานนี้ชาวบ้านช่วยเหลือปลาที่กำลังจะตาย ล่าสุดวันนี้รถน้ำและทุกภาคส่วนช่วยกันขุดลอกสระน้ำเติมน้ำเพื่อคืนปลาที่ชาวบ้านมาทำบุญคืนกลับอีกครั้ง
หลังจากเมื่อวานนี้ชาวบ้านย่านอนุสาวรีย์ ข่วงสิงห์ ใกล้สี่แยกข่วงสิงห์ ถนนโชตนา ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้ระดมกันเข้าไปช่วยเหลือปลาในสระน้ำโดยรอบอนุสาวรีย์ ข่วงสิงห์ที่กำลังแห้งขอดปลาที่ถูกปล่อยจากการทำบุญหลายร้อยตัวกำลังดิ้นรนหนีตายไปอยู่ในจุดที่น้ำหลงเหลือ ได้นำออกไปยังจุดที่มีน้ำเพื่อช่วยเหลือไม่ให้แห้งตาย ล่าสุดวันนี้เจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วน ทั้งปภ.เชียงใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ทหารนำรถแบคโฮ เข้ามาขุดลอกสระน้ำที่ตื้นเขิน เตรียมนำพลาสติกสีดำลงไปคลุมพื้นดินเพื่อไม่ให้น้ำได้ซึมลงพื้นดินไปเพราะความแห้งแล้ง จะทำให้น้ำคงอยู่ได้นานขึ้นทำให้ปลามีน้ำไปตลอดพ้นวิกฤตแล้งนี้ ก่อนจะระดมรถบรรทุกน้ำจากทุกส่วนช่วยกันขนนำน้ำดิบเพื่อมาเทลงไป เพื่อช่วยเหลือปลาที่ยังมีชีวิตอยู่กว่า 300 -400 ตัว ขนาดใหญ่เกือบ 20กิโลกรัม ซึ่งพบปลาบางส่วนที่แห้งตายไปบ้างแล้ว โดยปลาส่วนใหญ่มาจาการทำบุญปล่อยลงสระน้ำแห่งนี้ เพื่อเป็นการทำบุญช่วยชีวิตปลาบุญให้รอดตายในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นปลาสวาย ปลานิล ปลาดุก ปลาหมอและเต่า
สำหรับอนุสาวรีย์ ข่วงสิงห์ ปรากฎหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อจูลศักราช 1163 พ.ศ. 2344 ในสมัยเจ้ากาวิละเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ พระองค์แรก (พ.ศ.2325-2356) ตรงกับยุคกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้ากาวิละได้โปรดให้สร้างสิงห์ปูนปั้นสีขาวยืนขึ้นไว้คู่หนึ่ง ตัวหนึ่งหันหน้าไปทางทิศเหนือ อีกตัวหนึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ณ ที่อันเป็นบริเวณโล่งเตียนกว้างขวางอยู่ทางทิศเหนือของตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อสร้างเสร็จแล้ว จึงทำพิธีอันเชิญเทพยดาอารักษ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้มาสิงสถิตย์ อยู่ ณ ที่นี้ คราใดเมื่อจะยกทัพไปต่อสู้กับข้าศึกที่มารุกราน หรือเพื่อแผ่อานุภาพออกไป ก็ได้ยกทัพมาหยุด ณ สถานที่แห่งนี้ เพื่อกระทำอันเป็นมงคลต่างๆ แก่กองทัพเป็นประจำ ซึ่งต่อมาสถานที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “ข่วงสิงห์ชัยมงคล” และต่อมาได้เรียกชื่อให้สั้นลง ว่า “ข่วงสิงห์” และในสมัยของเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ลำดับที่ 7 (พ.ศ.2416-2439) ได้โปรดให้สร้างวัดขึ้นไว้บริเวณใกล้กันหนึ่งวัด คือ “วัดข่วงสิงห์ชัยมงคล” หรือวัดข่วงสิงห์ในปัจจุบัน
ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่อัปเดตนิวส์ รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น