<<<<<..... ลักษณะอากาศทั่วไป วันนี้ ( 20 มกราคม 2568 ) เวลา 06.00 น. วันนี้ถึง 06.00 น.ของวันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ....อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 12-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส   บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 5-15 กม./ชม.  กมล เครือนิล ทีมข่าว "ที่นี่....เชียงใหม่" สำนักข่าว เชียงใหม่ อัปเดตนิวส์ รายงาน. แหล่งที่มาของข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา - https://www.tmd.go.th/thailand.php .....................................................>>>>

18 ก.พ. 2568

✅ CM-UPDATE-NEWS ✅ : มูลนิธิขาเทียมฯ ร่วมกับ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ เปิดการอบรมหลักสูตรการทำเบ้าขาเทียมระดับข้อเข่า

 


✅ CM-UPDATE-NEWS ✅ : มูลนิธิขาเทียมฯ ร่วมกับ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ เปิดการอบรมหลักสูตรการทำเบ้าขาเทียมระดับข้อเข่า 
.
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมหลักสูตรการทำเบ้าขาเทียมระดับข้อเข่า (Making a socket for TK Prosthesis) ให้แก่ช่างเครื่องช่วยคนพิการและช่างกายอุปกรณ์จากโรงงานทำขาเทียมพระราชทานทั่วประเทศ จำนวน 28 คน  ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ ร่วมกับมูลนิธิขาเทียมฯ ตามโครงการฝึกยกระดับฝีมือ จำนวน 30 ชั่วโมง ประจำปีงบประมาณ 2568  โดยมีนายเด่นดวง ลำเพยพล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ กล่าวต้อนรับฯ  นางสาวพรทิพย์ นันต๊ะปาน นักวิชาการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ กล่าวรายงาน  และมีนายแพทย์วิรัช พันธ์พานิช นายแพทย์พิรุณ คำอุ่น และรองศาสตราจารย์โรม จิรานุกรม รองเลขาธิการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยนายแพทย์ชาญชัย พจมานวิพุธ ร้อยเอก นายแพทย์ หม่อมหลวงพุฒิพงศ์ เทวกุล อาจารย์โกศล อินทรประสิทธิ์ บุคลากรสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ และบุคลากรมูลนิธิฯ ร่วมในพิธี  ซึ่งการอบรมนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 21 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สำนักงานมูลนิธิขาเทียมฯ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
.
.







12 ก.พ. 2568

✅ CM-UPDATE-NEWS ✅ : รอง ผบ.ตร. เปิดปฏิบัติการ“กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว” ปิดล้อมตรวจค้น 30 จุด 5 จังหวัด ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 118 ล้านบาท


✅ CM-UPDATE-NEWS ✅ : รอง ผบ.ตร. เปิดปฏิบัติการ“กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว” ปิดล้อมตรวจค้น 30 จุด 5 จังหวัด ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 118 ล้านบาท มุ่งแก้ปัญหายาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพ

วันนี้ (12 กุมภาพันธ์ 2568) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า  ตำรวจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว” 30 จุด เพื่อขยายผลจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน ตามนโยบายรัฐบาลที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวดในทุกมิติ ภายใต้ปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ภายใต้กรอบแนวคิด Seal พื้นที่ชายแดน Stop หยุดวงจรยาเสพติด อาชญากรรมชายแดน Safe พื้นที่ปลอดภัย โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว
 
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) และ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานอนุกรรมการป้องกัน ปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน และการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ ,ผู้อำนวยการ ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.) และผู้อำนวยการศู นย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปปง.ตร.) และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอร.ตร. ขับเคลื่อนการปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว , พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง , พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ , พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า รอง ผบช.ปส. , พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 ได้บูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ พล.ท.กาจน์ กอรี รอง ผบ.นบ.ยส.35 , พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.วรพัฒน์ บุญมา ผบก.ตชด.ภาค 3 , นายธันวา ผุดผ่อง ผอ.ปปส.ภาค 5 , นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ผู้แทนสำนักงาน ปปง. และ นายศิวะ 
ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “กวาดล้างเครือข่ายคาวบอยบ่อแก้ว” 30 จุด ในวันนี้ เพื่อขยายผลจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน 

พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 บก.ปส.3 ได้จับกุมผู้ต้องหา 4 คน พร้อมไอซ์ 999 กิโลกรัม และคีตามีน 1,200 กิโลกรัม บริเวณท่าเทียบเรือ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และวันที่ 10 ส.ค.67 จับกุมผู้ต้องหา 10 คน พร้อมไอซ์ 1,500 กิโลกรัม ใน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี กระทั่งสามารถขยายผลจนทราบถึงกลุ่มที่ลำเลียงยาเสพติดพื้นที่ชายแดน ซึ่งลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้กับกลุ่มที่ถูกจับกุม จึงได้เฝ้าระวังพฤติการณ์เรื่อยมา กระทั่งเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ไอซ์ 30 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม จากการสืบสวนขยายผล มีผู้ร่วมลำเลียงยาเสพติดกับผู้ต้องหาและยังไม่ถูกจับกุม โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวทำหน้าที่เป็นกลุ่มผู้สั่งการว่าจ้างและขับรถนำทางคุ้มกันการลำเลียงยาเสพติด และจากการตรวจสอบทรัพย์สินกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาแทบไม่ถือครองทรัพย์สินเลย โดยจะใช้กลุ่มเครือญาติถือครองทรัพย์สินแทน จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้นำเงินจากการลำเลียงยาเสพติดไปฟอกเงินในธุรกิจประเภทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ โดยให้กลุ่มเครือญาติเป็นนอมินี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับ 9 หมายจับ และเปิดปฏิบัติปิดล้อมตรวจค้นฯ จำนวน 30 จุด ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา และหนองคาย โดยสามารถขออนุมัติหมายจับ 9 หมาย ผู้ต้องหา 8 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน 45 รายการ ได้แก่ บ้านพร้อมที่ดิน 10 รายการ มูลค่าประมาณ 40,000,000 บาท, ที่ดิน 18 แปลง มูลค่าประมาณ 54,000,000 บาท, สวนลำไย 70 ไร่ 1 แปลง มูลค่าประมาณ 17,500,000 บาท, รถยนต์ 11 คัน มูลค่าประมาณ 6,600,000 บาท และรถจักรยานยนต์ 5 คัน มูลค่าประมาณ 200,000 บาท รวมมูลค่าตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด ประมาณ 118,300,000 บาท           

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจปราบปรามเสพติดได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ในการ SEAL STOP SAFE อย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งมีการทำงานในหลายมิติ ทั้งการลาดตระเวน สกัดกั้นตามแนวชายแดน การเฝ้าระวังบุคคลเฝ้าระวังในพื้นที่ชายแดน ขยายผลกลุ่มเครือข่ายที่อยู่พื้นที่ชั้นใน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย (ด่านตรวจยานพาหนะ X-RAYS ) เข้ามาช่วยในการทำงาน เพื่อหยุดยั้ง สกัดกั้น ปราบปราม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อย่างเด็ดขาด ครบวงจร ตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย ตลอดจนมาตรการยึดทรัพย์ผู้ค้ารายสำคัญและเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องให้สิ้นซาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมในการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ต่างทุ่มเทและตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ พร้อมระดมสรรพกำลังป้องกันปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติ บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ สร้างความผาสุกแก่ประเทศชาติและประชาชน











ทีมเชียงใหม่ ”รู้ไว ดับเร็ว“ ลาดตระเวนพบกลุ่มไฟ ศปก.ฯประสาน KA-32 บินด่ว...



✅ CM-UPDATE-NEWS ✅ : ทีมเชียงใหม่ ”รู้ไว ดับเร็ว“ ชุดปฏิบัติการในพื้นที่ลาดตระเวน พบกลุ่มไฟ ศปก.ฯประสาน KA-32 บินด่วน! ขณะที่ชุดเคลื่อนที่เร็วร่วมปฏิบัติการ
.
วันนี้ (11 กุมภาพันธ์ 2568) ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ รายงานจุดความร้อน (Hotspot) ประจำวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 รอบบ่าย เวลา 13.31 น. (ข้อมูลจาก GISTDA) พบจุดความร้อนจำนวน  3  จุด ที่อำเภอฮอด ขณะที่ศูนย์อำนวจการในพื้นที่อำเภอดอยเต่า ได้รายงาน เมื่อเวลา 14:00 น. ว่าได้ออกลาดตระเวนในพื้นที่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบ้านโฮ่ง พบกลุ่มไฟ จึงสนธิกำลังนำชุดเคลื่อนที่เร็ว ทหาร ป่าไม้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ท้องถิ่น อาสาสมัคร ลงพื้นที่ทันที พร้อมรายงานมายัง ศปก.ไฟป่าฯ ให้ทราบ ด้าน นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ จึงขอรับการสนับสนุนอากาศยาน (ฮ.ปภ.32) ร่วมปฏิบัติภารกิจดับไฟป่า จนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
.
ส่วนพื้นที่อำเภอฮอด  นายสุทัศน์ ช่วงแก้ว
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่โถ รายงานว่า เมื่อเวลา 10:35 น. จุดเฝ้าระวังป้องกันไฟป่า มถ50 ได้ออกลาดตระเวนไฟป่าพบเห็นไฟ บริเวณป่าสันดอยห้วยส้มป่อย ท้องที่ป่าบ้านแม่หืด หมู่ที่ 13 ต.บ่อหลวง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เขตอุทยานแห่งชาติแม่โถ จึงได้ร่วมกันเข้าดำเนินการตรวจสอบ  จากนั้นเวลา 11:00 น. เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (Smart Patrol) พบเห็นไฟป่าจากบริเวณป่าสันดอยกิ่วทราย ท้องที่ป่าบ้านแม่หืด หมู่ที่ 13 ต.บ่อหลวง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เขตอุทยานแห่งชาติแม่โถ จึงได้ร่วมกันเข้าดำเนินการตรวจสอบทันที
.
จนกระทั่งเมื่อ เวลา 11.10 น. เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (Smart Patrol) ตรวจสอบพบไฟไหม้พื้นที่ป่า บริเวณป่าสันดอยกิ่วทรายท้องที่ป่าบ้านแม่หืด หมู่ที่ 13 ต.บ่อหลวง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ จึงได้ร่วมกันดับไฟ เสร็จสิ้นเวลา 15.50 น. มีพื้นที่เสียหาย : 10 ไร่ เป็นป่าเต็งรัง คาดว่าสาเหตุการเกิดไฟมาจากเก็บหาของป่า เจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังเข้าดำเนินการดับไฟทันที
.
ต่อมาเวลา 11.40 น. ผู้นำชุมชนและราษฎรบ้านแม่หืด และจุดเฝ้าระวังป้องกันไฟป่า มถ50 ก็ได้เข้าตรวจสอบพบไฟไหม้พื้นที่ป่า บริเวณป่าสันดอยห้วยส้มป่อย ท้องที่ป่าบ้านแม่หืด หมู่ที่ 13 ต.บ่อหลวง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ด้วยเช่นกัน จึงได้ร่วมกันดับไฟ เจ้าหน้าที่และชาวบ้านจึงได้ร่วมกันเร่งดับไฟจนเสร็จสิ้นในเวลา 15.50 น. มีพื้นที่เสียหาย 20 ไร่  เป็นประเภทป่าเต็งรัง คาดว่าสาเหตุมาจากการเก็บหาของป่า 
.
ทั้งนี้การดำเนินการปฏิบัติงานดับไฟป่า ของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่โถได้ดำเนินการตามภารกิจปกติของหน่วยงานอยู่ก่อนแล้ว บนหลักการที่ว่า “ตรวจพบไว เข้าดับเร็ว ”เพื่อลดพื้นที่เสียหาย(พื้นที่เผาไหม้) และลดจำนวนจุดความร้อน ที่เกิดจากไฟป่า รวมทั้งลดปริมาณฝุ่นควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm2.5 ให้ได้มากที่สุด ซึ่งการปฎิบัติงานนี้ตรงกับจุดความร้อน(hotspots) ที่ดาวเทียม Suomi NPP ได้ตรวจพบ เมื่อวันที่ 11 ก.พ 68 เมื่อเวลา 13.31 น และต่อมาสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 16 เชียงใหม่ ได้แจ้งให้ หน่วยงานตรวจสอบ เวลา 14.32 น. ซึ่งหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ได้ดำเนินการดับไฟป่าอยู่ก่อนแล้ว และบางจุดเกือบจะแล้วเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่จะได้รับแจ้งให้ตรวจสอบจากการตรวจจับของดาวเทียมดังกล่าวอีกด้วย
ภาพ-ข่าว : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่
















11 ก.พ. 2568

✅ CM-UPDATE-NEWS ✅ : สชป. รวมตัวยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าการแก้ปัญหาที่ดินทำกินอีกครั้ง หลังเรื่องไม่คืบหน้า

✅ CM-UPDATE-NEWS ✅ : สชป. รวมตัวยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าการแก้ปัญหาที่ดินทำกินอีกครั้ง หลังเรื่องไม่คืบหน้า
.
สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า รวมตัวยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าการแก้ปัญหาที่ดินทำกินของชาวบ้านในเขตอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หลังผ่านมา 60 วัน เรื่องไม่คืบหน้า
.
วันนี้ (11 ก.พ. 68) ที่บริเวณด้านหน้าอาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มวลชนจากสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า (สชป.) ได้เดินทางมายื่นหนังสือทวงถามสัญญาจาก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เพื่อให้แก้ไขปัญหาการออกพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 
.
หลังจากที่สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า(สชป.) ได้รวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาจากการออก พ.ร.ฎ. ดังกล่าว เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่นั้น ในวันดังกล่าวได้มีการทำบันทึกการหารือการแก้ปัญหาของประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากกฎหมายป่าอนุรักษ์ ระหว่างรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) ในฐานะกำกับดูแลการบริหารราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า(สชป.)  โดยในบันทึกดังกล่าวได้ระบุไว้ให้มีการตั้งคณะทำงานในการแก้ไขปัญหาภายใน 60 วัน แต่ที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้าหรือมีการดำเนินการใดๆ เลยจากรัฐบาล วันนี้จึงมีการมาทวงถามอีกครั้ง 
.
โดย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้ นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้แทนรับหนังสือจากสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า พร้อมทั้งรับฟังปัญหาและร่วมพูดคุยหารือร่วมกัน
.
ซึ่ง นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า หลังจากนี้จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานและจะรายงานให้สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่ารับทราบโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ชาวบ้านได้อยู่กับพื้นที่ได้อย่างมีคุณภาพ และปกติสุข ประกอบอาชีพได้อย่างราบรื่น
.
ขณะที่ นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ก็ได้ระบุเพิ่มว่า การดำเนินการติดตามเรื่องดังกล่าวเจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานและคัดสรรตัวบุคคลในการสร้างกลไกขึ้นมาพิจารณาการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งคาดว่าจะคัดสรรบุคคลได้ภายในเร็วๆ นี้ และไม่เกินวันพรุ่งนี้จะทำหนังสือถึงกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชแน่นอน โดยเบื้องต้นได้มีการร่างหนังสือไว้คร่าวๆ แล้ว 
.
ทั้งนี้ ผู้แทนสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า เปิดเผยว่าหากภายใน 7 วัน ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จะมีการรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อขับเคลื่อนให้มีการยกระดับการทำงานมากขึ้น โดยหลังจากนี้จะมีการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ด้วย เพื่อหารือถึงแนวทางการดำเนินงาน เพื่อเร่งขับเคลื่อนให้เรื่องนี้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุดคลายความทุกข์ของชาวบ้านที่เฝ้ารอติดตามเรื่องนี้มาเป็นระยะเวลานานกว่า 5 ปีแล้ว ซึ่งความต้องการมากที่สุดของชาวบ้านในขณะนี้ คือ เรื่องของสิทธิโดยเฉพาะสิทธิของการถือครองที่ดิน ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของชาวบ้านหลายปัจจัย ทั้งการอยู่อาศัย การท่องเที่ยว และการเกษตร 
.
ภาพ - ข่าว : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่